Skip to content Skip to footer

PGT-A By NGS

ตรวจโครโมโซม PGT-A BY NGS

การตรวจโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัว

การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน คืออะไร

การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน คือการตรวจโครโมโซมหรือสารพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนที่จะย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกของฝ่ายหญิง ในขั้นตอนการทำ ICSI/IVF ทำให้สามารถเลือกตัวอ่อนที่ปราศจากความผิดปกติทางพันธุกรรมอันก่อให้เกิดโรคต่างๆได้

การคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (PGD/NGS) เหมาะสมกับใครบ้าง

  1. สามี หรือ ภรรยาคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนมีพันธุกรรมผิดปกติซึ่งอาจถ่ายทอดไปสู่ทารกได้โดยการถ่ายทอดนั้น มีความเสี่ยงชัดเจนว่าอาจเป็นเหตุให้ทารกที่เกิดขึ้นไม่อาจมีชีวิตรอดหรือมีชีวิตเช่นคนปกติได้ (PGD: Preimplantation Genetic Diagnosis)
  2. สามีและภรรยาที่ไม่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมอาจทำการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนได้ในกรณีต่อไปนี้(PGS: Preimplantation Genetic Screening)
    • มีประวัติการตั้งครรภ์ที่ทารกมีความผิดปกติทางพันธุกรรมรุนแรงและความผิดปกตินั้นอาจป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรองพันธุกรรมของตัวอ่อน
    • มีบุตรที่ป่วยเป็นโรคซึ่งอาจรักษาได้ด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดจากบุคคลอื่นที่มีความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อ (HLA Matching) ซึ่งการตรวจ HLA ของตัวอ่อนนี้จะเป็นประโยชน์โดยสามารถนำ เซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดในสายสะดือเมื่อแรกคลอดไปใช้รักษาบุตรคนที่ป่วยและมีเนื้อเยื่อที่เข้ากันได้
    • มีประวัติการแท้งบุตรก่อนอายคุรรภ์ 12 สัปดาห์ตั้งแต่2ครั้งขึ้นไปหรือในกรณีที่มีผลการตรวจยืนยันว่าการแท้งในครั้งก่อนมีสาเหตุมาจากทารกมีความผิดปกติทางพันธุกรรม
    • ฝ่ายหญิงมีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปและมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ว่า ตัวอ่อนอาจมีความเสี่ยงต่อความผิดปกติทางพันธุกรรม
    • ไม่ตั้งครรภ์ 2 คร้ังติดต่อกัน ในการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์
    • มีประวัติการตั้งครรภ์ที่ทารกมีความผิดปกติทางพันธุกรรมรุนแรงและความผิดปกตินั้นอาจป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรองพันธุกรรมของตัวอ่อน
    • มีบุตรที่ป่วยเป็นโรคซึ่งอาจรักษาได้ด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดจากบุคคลอื่นที่มีความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อ (HLA Matching) ซึ่งการตรวจ HLA ของตัวอ่อนนี้จะเป็นประโยชน์โดยสามารถนำ เซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดในสายสะดือเมื่อแรกคลอดไปใช้รักษาบุตรคนที่ป่วยและมีเนื้อเยื่อที่เข้ากันได้
    • มีประวัติการแท้งบุตรก่อนอายคุรรภ์ 12 สัปดาห์ตั้งแต่2ครั้งขึ้นไปหรือในกรณีที่มีผลการตรวจยืนยันว่าการแท้งในครั้งก่อนมีสาเหตุมาจากทารกมีความผิดปกติทางพันธุกรรม
    • ฝ่ายหญิงมีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปและมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ว่า ตัวอ่อนอาจมีความเสี่ยงต่อความผิดปกติทางพันธุกรรม
    • ไม่ตั้งครรภ์ 2 คร้ังติดต่อกัน ในการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์
ขั้นตอนการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน

ขั้นตอนเหมือนกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วทุกประการ ตั้งแต่เริ่มต้นกระตุ้นไข่จนถึงระยะเตรียมปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนโดยทั่วไปแล้วนั้นระยะของการเจริญเติบโตของตัวอ่อนที่เหมาะสมสำหรับการแยกเอาเซลล์ออกมาตรวจวินิจฉัยทางพันธุกรรมนั้นมี 3 ระยะ ได้แก่

  1. ระยะของไข่ก่อนการปฏิสนธิ หรือตัวอ่อนในระยะปฏิสนธิก่อนการแบ่งตัว โดยการแยกเอาส่วน Polar Body ของเซลล์ไข่ หรือตัวอ่อนในระยะปฏิสนธิก่อนการแบ่งตัวออกมาสำหรับตรวจทางพันธุกรรม
  2. ตัวอ่อนในระยะแบ่งตัววันที่ 3 หลังการปฏิสนธิ (Clevage Stage)
  3. ตัวอ่อนในระยะบลาสโตซิสต์ (Blastocyst Stage) โดยมากแล้วแพทย์มักตรวจตัวอ่อนในระยะบลาสโตซิสต์เนื่องจากมีจำนวนเซลล์มากพอที่จะดึงออกไปตรวจได้โดยกระทบกับการเจริญเติบโตของตัวอ่อนน้อยที่สุด และพบความแตกต่างทางพันธุกรรมระหว่างเซลล์แต่ละเซลล์หรือที่เรียกว่า Mosaicism น้อยกว่าการตรวจตัวอ่อนในระยะแบ่งตัว หลังจากได้ตัวอ่อนและเลี้ยงจนได้ระยะที่ตัวอ่อนแบ่งเซลล์มีจำนวนเซลล์มากเพียงพอซึ่งมักเป็นระยะวันที่ 3-5 หลังปฏิสนธิแล้วจึงทำการดูดเซลล์ของตัวอ่อนแต่ละตัวส่งตรวจทางพันธุศาสตร์เพื่อระบุสถานะของตัวอ่อนว่าปกติหรือไม่ จากนั้นจึงเลือกตัวอ่อนที่ไม่เป็นโรคย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการฝังตัวและตั้งครรภ์ ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่าทารกที่ผ่านการตรวจทางพันธุกรรมนี้ เมื่อคลอดจะไม่มีความแตกต่างจากทารกที่มาจากการตั้งครรภ์โดยธรรมชาติ ดังนั้นการตรวจดังกล่าวจึงเป็นการตรวจพันธุกรรมของเซลล์ที่เป็นเสมือนเพียงตัวแทนของเซลล์ทั้งหมดของตัวอ่อน การตรวจนี้จึงมีความละเอียดอ่อนและยุ่งยากกว่าการตรวจพันธุกรรมจากเลือดหรือเนื้อเยื่ออื่นๆเพราะปริมาณสารพันธุกรรมใน 1 เซลล์นั้นมีจำนวนน้อยมาก การตรวจจึงต้องอาศัยความละเอียดอ่อนใช้เวลาและอยู่ในมือของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำและรบกวนตัวอ่อนน้อยที่สุด
Blastocentesis

คือการดูดน้ำในตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ (Blastocyst Fluids; BFs) ไปเพื่อทำการตรวจวิเคราะห์โครโมโซมของตัวอ่อนนั้นๆ เนื่องจากปัจจุบันได้มีการตรวจพบว่าน้ำในตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์นี้มี cell-free DNA อยู่ในปริมาณมากพอที่จะนำไปตรวจวิเคราะห์โครโมโซมต่อได้ โดยการดูดน้ำในตัวอ่อนไปตรวจแทนที่จะดูดเซลล์ตัวอ่อน (Blastomere) หรือเซลล์เนื้อรก (Trophectoderm)

เหมือนอย่างที่เคยทำมานั้นมีข้อดีคือ ช่วยลดการรบกวนการเจริญเติบโตของตัวอ่อนจากการลดส่วนของเซลล์ที่ถูกดูดไปตรวจลงทำให้ตัวอ่อนเติบโตและพัฒนาไปเป็นตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีมากขึ้นได้ นอกจากนั้นการดูดน้ำในตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ ซึ่งเป็นระยะที่ตัวอ่อนโตเต็มวัยที่สุดก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก เป็นการลดโอกาสการเกิดความแตกต่างทางพันธุกรรมระหว่างเซลล์แต่ละเซลล์ลงจากการตรวจวิธีเดิมซึ่งอาจตรวจตัวอ่อนตั้งแต่อายุวันที่ 3 โดยการตรวจตัวอ่อนที่อายุน้อยนั้นจะมีโอกาสเกิด Mosaicism มากขึ้นได้และเมื่อเปรียบเทียบผลการตรวจระหว่างการตรวจโครโมโซมจากน้ำในตัวอ่อนกับการดูดเซลล์ในระยะบลาสโตซิสต์ไปตรวจแล้วนั้น พบว่าให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องใกล้เคียงกันมากจนเป็นที่น่าพึงพอใจ

เทคนิคการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน

การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนนั้นสามารถทำได้หลายวิธี แต่ละวิธีจะมีความถูกต้องแม่นยำต่างกันทาง Genesis Fertility Center ได้มีการคัดเลือกวิธีการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนที่ดีที่สุด ทันสมัยและมีความถูกต้องแม่นยำที่สุดมาใช้ใน การรักษา เพื่อให้คู่สมรสที่เข้ามาทำการรักษากับทางคลินิกมั่นใจได้ว่าท่านได้รับการดูแลด้วยเทคนิคที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน

Comparative Genomic Hybridization (CGH) เป็นเทคนิคการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนโดยการตรวจโครโมโซมทั้ง 23 คู่ คือโครโมโซมร่างกาย 22 คู่ และ โครโมโซมเพศ 1 คู่ วิธีนี้เป็นการตรวจพันธุกรรมในระดับโมเลกุล โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Whole Genome Amplification (WGA) ในการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมก่อนนำไปตรวจ จึงให้รายละเอียดของสภาวะทางพันธุกรรมมากกว่าการตรวจ ในระดับโครโมโซมทั่วไปการตรวจจะใช้การติดฉลากสารพันธุกรรมตัวอ่อนที่ต้องการตรวจและสารพันธุกรรมมาตรฐาน ด้วยสารเรืองแสงที่มีสีแตกต่างกัน จากนั้นนำมาทำปฏิกิริยากันและแปลผลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะสามารถบอกได้ว่าตัวอ่อนนั้นมีโครโมโซมขาดหรือเกิน (Aneuploidy) มีภาวะการเรียงตัวผิดปกติของโครโมโซมที่ไม่สมดุล (Unbalanced Translocation) หรือมีการขาดหายหรือเพิ่มเกินบางส่วนของโครโมโซมหรือไม่ (Chromosome Deletion or Duplication) แต่วิธีนี้ก็ยังมีข้อจำกัดคือไม่สามารถตรวจความผิดปกติของภาวะการเรียงตัวของโครโมโซมแบบสมดุล (Balanced Translocation )หรือการหมุนกลับของชิ้นส่วนโครโมโซม (Inversion) ได้ เนื่องจากความผิดปกติดังกล่าวไม่ได้ทำให้ปริมาณสารพันธุกรรมแตกต่างไปจากสารพันธุกรรมมาตรฐานที่ใช้เปรียบเทียบ วิธีนี้ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 24-72 ชั่วโมง ขึ้นกับเทคนิคย่อยที่ใช้ในการตรวจ Next Generation Sequencing (NGS)

ในร่างกายของมนุษย์เราประกอบไปด้วยโครโมโซมทั้งหมด 23 คู่ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นซึ่งแต่ละโครโมโซมจะทำหน้าที่ในการควบคุมการแสดงออกของลักษณะทางกายภาพและการทำงานต่างๆของร่างกาย ในโครโมโซมจะประกอบไปด้วยยีนและในยีนก็ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนซึ่งมีลำดับเบสมากมายอยู่ในนั้น ยีนที่มีความผิดปกติหรือกลายพันธุ์จึงส่งผลให้เกิดโรคขึ้นในคนที่ได้รับการถ่ายทอดยีนที่ผิดปกตินั้นต่อกันมา การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนด้วยเทคโนโลยี Next Generation Sequencing เป็นเทคนิคที่สามารถตรวจความผิดปกติของโครโมโซมได้ถึงในลำดับเบสซึ่งเป็นส่วนประกอบที่เล็กที่สุดของโครโมโซม โดยใช้การเปรียบเทียบลำดับเบสของยีนที่ก่อโรคกับยีนที่ปกติซึ่งจะมีความแตกต่างกันทำให้สามารถค้นหายีนที่ก่อโรคได้ วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ตรวจความผิดปกติของโครโมโซมได้ละเอียดมีความถูกต้องแม่นยำสูง และถูกนำมาพัฒนาและประยุกต์ใช้ในการตรวจคัดกรองพันธุกรรมตัวอ่อนซึ่งถือเป็นเทคนิควิธีการตรวจที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนด้วยเทคโนโลยี Next Generation Sequencing มีข้อดีคือ สามารถตรวจความผิด ปกติของโครโมโซมได้ทั้ง 24 โครโมโซมให้ข้อมูลที่มีความละเอียดสูงและมีความถูกต้องแม่นยำสูงมากถึง 99.9% นอกจากนั้นระยะเวลาการตรวจยังรวดเร็วกว่าอีกด้วยคือ สามารถทราบผลการตรวจได้ใน 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ดีเทคโนโลยี Next Generation Sequencing ยังไม่สามารถตรวจโรคที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนเดี่ยว (Single Gene Disorder) ภาวะการปนกันของเซลล์ที่ปกติและเซลล์ที่ผิดปกติ (Mosaicism) ในระดับต่ำๆ หรือ ภาวะการซ้ำของชุดโครโมโซม (Polyploidy) และการขาดหรือเกินของชิ้นส่วนโครโมโซมที่มีขนาดเล็กกว่าความสามารถของวิธีการตรวจ เช่น การขาดหรือเกินที่ของชิ้นส่วนโครโมโซมที่มีขนาดเล็กกว่า 10 Mb

ข้อจำกัดของการตรวจวินิจฉัยทางพันธุกรรมก่อนการฝังตัวอ่อน

การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนยังมีข้อจำกัดในเรื่องความแม่นยำของผลการตรวจ ถึงแม้ว่าจะมีความแม่นยำสูงถึง 95-99% แต่ก็ยังไม่สามารถนำมาทดแทนการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติทางพันธุกรรมก่อนคลอดได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะได้ตรวจวินิจฉัยทางพันธุกรรมก่อนการฝังตัวอ่อนแล้ว ก็ยังแนะนำให้มีการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดเหมือนเป็นการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ นอกจากนั้นคู่สมรสควรได้รับทราบถึงโอกาสที่จะได้ตัวอ่อนที่เหมาะสมสำหรับการย้าย เนื่องจากบางกรณีอาจมีโอกาสได้ตัวอ่อนที่เหมาะสมค่อนข้างน้อย เช่นการตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจางธาลัสซีเมียร่วมกับการตรวจ HLA ที่เข้ากันได้กับบุตรที่เป็นโรค ดังนั้นคู่สมรสอาจต้องได้รับการรักษาหลายรอบก่อนที่จะได้ตัวอ่อนที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์

เทคโนโลยีของ Genesis Fertility Center

ทาง Genesis Fertility Center ได้คัดเลือกเทคโนโลยีการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนที่จะให้ผลการตรวจโครโมโซมที่ถูกต้องแม่นยำมากที่สุด ได้ผลรวดเร็ว และรบกวนการเจริญเติบโตของตัวอ่อนน้อยที่สุด นั่นคือการเลือกดูดเซลล์จากตัวอ่อนหรือดูดน้ำในตัวอ่อนในระยะบลาสโตซิสต์และส่งตรวจพันธุกรรมโดยใช้เทคโนโลยี Next Generation Sequencing ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการตรวจวิธีนี้จะช่วยในการตัดสินใจของแพทย์ ว่าจะเลือกตัวอ่อนตัวใดย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้มากที่สุดการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกเป็นวิธีที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับความผิดปกติของตัวอ่อนได้มากขึ้น ให้ข้อมูลกับแพทย์และคู่สมรสที่เข้ามารับการรักษาได้มากขึ้นในการคัดเลือกและตัดสินใจย้ายตัวอ่อน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการถ่ายทอดความผิดปกติทางพันธุกรรมและเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้มากขึ้นได้หากคู่สมรสมีความสนใจที่จะตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน คู่สมรสต้องตรวจสอบก่อนว่าคู่ของตนมีข้อบ่งชี้ในการตรวจหรือไม่ หลังจากนั้นท่านจะได้รับการอธิบายถึงเทคนิควิธีการตรวจ ข้อจำกัด ความแม่นยำในการแปลผล อัตราความสำเร็จของการตรวจและอัตราความสำเร็จของการฝังตัวอ่อน รวมทั้งค่าใช้จ่ายก่อนตัดสินใจตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน ในกรณีที่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นคู่สมรสควรพิจารณาตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดเพื่อยืนยันผลการตรวจวิเคราะห์ตัวอ่อนอีกที

PLEASE FILL IN YOUR EMAIL ADDRESS TO SUBSCRIBE TO PERIODIC NEWS, PROMOTIONS, AND SPECIAL OFFERS

GENESIS FERTILITY CENTER

A medical clinic specializing in treating infertility, with expertise and experience in IVF (in vitro fertilization), ICSI (intracytoplasmic sperm injection), and IUI (intrauterine insemination). We also offer egg freezing and chromosomal screening services, staffed by a dedicated team of specialist doctors, scientists, nurses, and support personnel, all united in the goal of helping every family realize their dream.

Genesis Fertility Center Rama 9 International
2292 Rama IX Rd., Phathanakan, Suan Luang, Bangkok Thailand 10250

 

Genesis Fertility Center Rama 3
924/2 Rama III Rd., Bang Phong Phang, Yannawa, Bangkok Thailand 10120

 

Genesis Fertility Center Ubon Ratchathani
382 Theppayothi Rd., Nai Mueang Sub-district, Mueang Ubon Ratchathani District, Ubon Ratchathani Thailand 34000

 

 

CALL CENTER :

Bangkok
(+66)97-484-5335 , 02-1086413-14

Ubonrachathani
(+66)62-9788515 , 045-993877

WORKING TIME

GFC RAMA9
Monday – Sunday 08:00 – 20:00 น.

 

GFC RAMA 3
Monday – Friday 09:00 – 20:00 น.
Saturday – Sunday 08:00 – 20:00 น.

 

GFC UBON
Monday – Friday 10:00 – 20:00 น.
Saturday 08:00 – 17:00 น.

GET FRESH UPDATES.
Follow us

Genesis Fertility Center © 2023. All Rights Reserved.

Telegram
Phone
Line
Facebook
Line
Phone
Telegram
Facebook