Skip to content Skip to footer

บริการ ฝากไข่ EGG FREEZING

Genesis Fertility Center (GFC) คลินิกบริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก และให้บริการ ฝากไข่ EGG FREEZING

ฝากไข่ คืออะไร?

ฝากไข่ (Oocyte Cryopreservation หรือ Egg Freezing) หรือ การแช่แข็งเซลล์ไข่ เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยรักษาคุณภาพเซลล์ไข่ผู้หญิง เพื่อให้สามารถเก็บไข่เอาไว้ใช้สำหรับการตั้งครรภ์ในอนาคตได้ โดยแพทย์จะทำการดูดเอาไข่สุขภาพดีของผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ออกมาจากรังไข่ และนำไปแช่แข็งไว้ที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส และจะนำไข่ออกมาเพื่อใช้ปฏิสนธิกับอสุจิฝ่ายชาย เมื่อผู้ฝากไข่ต้องการตั้งครรภ์

ทำไมถึงต้องฝากไข่

ตามธรรมชาติแล้วเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ไข่ของผู้หญิงจะมีคุณภาพน้อยลงและมีการลดจำนวนลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ส่งผลให้เกิดการมีบุตรยากขึ้น ถ้าหากว่าอายุเกิน 40 ปีแล้วไม่มีประจำเดือน นั่นคือการก้าวสู่วัยทอง (Menopause) รังไข่จะเริ่มหยุดการทำงาน ดังนั้น ผู้ที่ต้องการวางแผนจะมีลูกควรเข้ารับการฝากไข่ให้เร็วที่สุด ไม่ควรเกินอายุ 40 ปี แต่หากว่าอายุประมาณ 45-55 ปี ก็สามารถฝากไข่ได้ ทั้งนี้ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์โดยตรง การฝากไข่สามารถวางแผน และเลือกช่วงเวลาการมีลูกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 20-35 ปี เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงของลูกที่อาจเกิดมามีความผิดปกติของโครโมโซมเนื่องจากอายุที่มากขึ้นอีกด้วย

ยิ่งเราฝากไข่เร็วเท่าไหร่ไข่ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ ต่อให้เรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ก็ยังสามารถใช้ใข่ในอายุที่น้อยกว่าได้ เช่น เมื่อมาฝากไข่ตอนอายุ 30 ปี แต่ยังไม่มีแผนตั้งครรภ์ ก็สามารถเก็บไข่แช่แข็งในช่วงอายุ 30 ปีไว้ได้ หากอายุ 40 ปี และพร้อมมีลูก ก็สามารถนำไข่ในอายุ 30 ปี มาใช้สำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI เพื่อการตั้งครรภ์ในอนาคตได้

นอกจากนี้ค่านิยมการมีลูกเปลี่ยนไป ผู้หญิงในปัจจุบันนิยมแต่งงานช้าลง มีลูกช้าลง เนื่องจากปัจจัยทางสังคมต่างๆ ทำให้ความพร้อมในการมีลูกช้าลง บางคนก็อายุมากแล้ว แต่ในทางกลับกันสภาพร่างกายคนเราจะลดประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ ดังนั้นผู้ที่วางแผนจะมีบุตรจึงควรเข้ารับการฝากไข่ตั้งแต่เนิ่นๆ

ใครบ้างที่ควรเข้ารับการฝากไข่

ผู้ที่ควรเข้ารับการฝากไข่ มีดังนี้

  • ผู้ที่ยังไม่พร้อมที่จะมีลูกในตอนนี้ หรือผู้ที่วางแผนจะมีลูกในอนาคต
  • ผู้ที่ต้องการมีลูกด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI IVF ในอนาคต 
  • ผู้ที่มีโรคเรื้อรังบางอย่าง หรือเป็นโรคมะเร็ง ที่ต้องรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัดหรือการฉายแสงซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อรังไข่ได้
  • ผู้ที่มีปัญหาต้องได้รับการผ่าตัดรังไข่ เช่น เป็นซีสต์ มีเนื้องอกที่รังไข่ ซึ่งจะทำให้มีจำนวนไข่ลดลงหลังการผ่าตัด
  • ผู้ที่มีปัญหาทางพันธุกรรม ทำให้รังไข่เสื่อมเร็ว หรือเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนเร็ว ในกรณีนี้ควรสังเกตคนในครอบครัว ถ้าแม่หรือพี่สาวที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนเร็ว เราก็มีแนวโน้มที่จะมีภาวะรังไข่เสื่อมเร็วได้เช่นกัน
  • ผู้ที่เข้าข่ายภาวะมีบุตรยาก

ทำไมผู้หญิงที่เลือกวางแผนมีลูกถึงควรฝากไข่

ตามธรรมชาติแล้วเมื่อผู้หญิงมีอายุเพิ่มขึ้น ไข่ของผู้หญิงจะมีคุณภาพน้อยลง และมีการลดจำนวนลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ส่งผลให้เกิดการมีบุตรยากขึ้น ถ้าหากว่าอายุเกิน 40 ปีแล้วไม่มีประจำเดือน นั่นคือการก้าวสู่วัยทอง (Menopause) รังไข่จะเริ่มหยุดการทำงาน ดังนั้น ผู้ที่ต้องการวางแผนจะมีลูกควรเข้ารับการฝากไข่ให้เร็วที่สุด ไม่ควรเกินอายุ 40 ปี แต่หากว่าอายุเกิน 40 ปีก็สามารถฝากไข่ได้ แต่ทั้งนี้ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์โดยตรง

ยิ่งเราฝากไข่เร็วเท่าไหร่ไข่ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ ต่อให้เรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ก็ยังสามารถใช้ใข่ในอายุที่น้อยกว่าได้ เช่น เมื่อมาฝากไข่ตอนอายุ 30 ปี แต่ยังไม่มีแผนตั้งครรภ์ ก็สามารถเก็บไข่แช่แข็งในช่วงอายุ 30 ปีไว้ได้ หากอายุ 40 ปี และพร้อมมีลูก ก็สามารถนำไข่ในอายุ 30 ปี มาใช้สำหรับการทำเด็กหลอดแก้วเพื่อการตั้งครรภ์ในอนาคตได้

ข้อดีของการฝากไข่

ข้อดีของการฝากไข่ มีดังนี้

  • ช่วยรักษาคุณภาพของไข่ตามช่วงวัย

เนื่องจากไข่ของผู้หญิงนั้นมีจำนวนจำกัด และคุณภาพจะลดลงตามอายุ โดยเฉพาะเมื่ออายุเกิน 35 ปี การฝากไข่จึงช่วยให้สามารถเก็บไข่ในช่วงที่ยังมีคุณภาพดีไว้ใช้ในอนาคตได้

  • เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ในอนาคต

การใช้ไข่ที่ฝากไว้ตั้งแต่ช่วงวัยที่ยังอ่อนกว่าทำให้มีโอกาสปฏิสนธิสำเร็จสูงขึ้น ลดความเสี่ยงของภาวะมีบุตรยากที่มาจากอายุที่เพิ่มขึ้น

  • ลดความเสี่ยงของความผิดปกติของโครโมโซม

ไข่ที่มีอายุมากขึ้นอาจมีความผิดปกติของโครโมโซม ส่งผลต่อความเสี่ยงของโรคทางพันธุกรรม และภาวะแท้ง การฝากไข่ไว้ก่อนจึงช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้

  • วางแผนอนาคตได้ยืดหยุ่นขึ้น

การฝากไข่เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมมีครอบครัวแต่ต้องการเก็บตัวเลือกไว้ใช้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลด้านอาชีพ การศึกษา เป็นต้น

  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องรับการรักษาทางการแพทย์

ผู้ที่ต้องรับการรักษา เช่น เคมีบำบัดหรือฉายรังสี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรังไข่ การฝากไข่ช่วยรักษาความสามารถในการมีบุตรในอนาคต

  • ลดแรงกดดันทางสังคม และอายุ

ช่วยให้ผู้หญิงสามารถตัดสินใจเรื่องการมีบุตรได้โดยไม่ต้องเร่งรีบตามข้อจำกัดทางอายุ หรือแรงกดดันจากสังคม และครอบครัว

การเตรียมตัวก่อนฝากไข่

การเตรียมตัวก่อนเริ่มขั้นตอนการฝากไข่ มีดังนี้

  1. รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ แป้งน้อย น้ำตาลน้อย อาหารที่มีโปรตีนสูง ลดขนมขบเคี้ยว การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยสร้างสมดุลให้กับร่างกาย
  2. ไม่ควรรับประทานอาหารหลัง 6 โมงเย็น 
  3. รับประทานวิตามิน อาหารเสริม ได้แก่ Astaxanthin, CO-Q10, Methyl Folate และ Vitamin D หรือ Pregnable F Begin ในขั้นตอนนี้สามารถปรึกษาแพทย์เรื่องการรับประทานวิตามินและอาหารเสริมได้
  4. พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด ฝึกควบคุมและจัดการกับความเครียด
  5. การรับแสงแดดให้เพียงพอในตอนเช้า อย่างน้อยเป็นเวลา 30 นาทีทุกวัน จะช่วยกระตุ้นจังหวะการหลับตื่น (Sleep Cycle) ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยให้เรานอนหลับพักผ่อนได้ดียิ่งขึ้น 
  6. อย่างไรก็ตามควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินอาการ และให้คำปรึกษาในการดูแลก่อนการเริ่มกระบวนทั้งหมดของการฝากไข่

ขั้นตอนการฝากไข่

การฝากไข่เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการเตรียมตัว และการดูแลจากแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้

1. ปรึกษาแพทย์และตรวจสุขภาพ

ขั้นตอนแรกของการฝากไข่คือการเข้าพบแพทย์ผู้ชำนาญการด้านภาวะเจริญพันธุ์เพื่อตรวจประเมินสุขภาพโดยรวม และความพร้อมของรังไข่ แพทย์จะทำการตรวจเลือดเพื่อวิเคราะห์ระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับภาวะเจริญพันธุ์ เช่น ฮอร์โมน FSH, LH, AMH และ Estradiol นอกจากนี้ยังมีการอัลตราซาวด์เพื่อตรวจดูปริมาณและขนาดของฟอลลิเคิล (ถุงไข่) ในรังไข่ ขั้นตอนนี้ช่วยให้แพทย์สามารถออกแบบแผนการกระตุ้นรังไข่ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

2. กระตุ้นไข่

แพทย์จะให้ยาฮอร์โมนกระตุ้นไข่เพื่อให้ไข่มีคุณภาพ และขนาดที่เหมาะสมได้ในครั้งละหลายๆ ใบ โดยต้องฉีดยากระตุ้นฮอร์โมนเป็นเวลา 8-14 วัน ระหว่างกระบวนการนี้ แพทย์จะทำการติดตามผลอย่างใกล้ชิดผ่านการอัลตราซาวด์และการตรวจเลือดเป็นระยะ ๆ เพื่อดูว่าไข่เจริญเติบโตตามที่ต้องการหรือไม่ เมื่อไข่มีขนาดที่เหมาะสม จะมีการฉีดยาฮอร์โมนกระตุ้นขั้นสุดท้าย (Trigger Shot) เพื่อให้ไข่สุก และพร้อมสำหรับการเก็บ

3. เก็บไข่

ประมาณ 34-36 ชั่วโมงหลังจากฉีดยากระตุ้นขั้นสุดท้าย แพทย์จะทำการเก็บไข่ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Oocyte Retrieval หรือการเจาะเก็บไข่ ขั้นตอนนี้ดำเนินการภายใต้การให้ยาชา หรือยานอนหลับแบบอ่อน ๆ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการไม่รู้สึกเจ็บ แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กดูดไข่ออกจากรังไข่ผ่านทางช่องคลอด โดยใช้เครื่องอัลตราซาวด์เป็นตัวนำทาง กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที หลังจากเก็บไข่แล้ว ผู้เข้ารับบริการจะได้รับคำแนะนำให้พักผ่อนประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนกลับบ้าน

4. แช่แข็งไข่ด้วยกระบวนการ Vitrification

ไข่ที่ถูกเก็บออกมาจะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อคัดเลือกไข่ที่มีคุณภาพดีที่สุดสำหรับการแช่แข็ง กระบวนการแช่แข็งที่ใช้เรียกว่า Vitrification ซึ่งเป็นวิธีแช่แข็งโดยการลดอุณหภูมิอย่างรวดเร็วที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดผลึกน้ำแข็งภายในเซลล์ ซึ่งการเกิดผลึกน้ำแข็งภายในเซลล์ทำให้เซลล์ไข่เกิดความเสียหายได้ ไข่จะถูกเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียสในไนโตรเจนเหลว และสามารถคงสภาพได้นานหลายปี เมื่อต้องการนำไข่กลับมาใช้ สามารถละลายไข่ และนำไปปฏิสนธิกับอสุจิเพื่อทำเด็กหลอดแก้ว (ICSI) ได้ตามต้องการ

วิธีดูแลตนเองหลังจากฝากไข่

หลังจากกระบวนการฝากไข่ ควรปฏิบัติตัวดังนี้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายอาจต้องการเวลาฟื้นฟู ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก
  • งดออกกำลังกายหนัก ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่กระทบกระเทือนช่องท้อง เช่น วิ่ง กระโดด
  • ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยลดอาการไม่สบายตัว
  • สังเกตอาการผิดปกติ หากมีอาการปวดท้องรุนแรง หรือเลือดออกผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์

อาการที่พบได้หลังฝากไข่

หลังจากการเก็บไข่ อาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย คล้ายปวดประจำเดือน
  • ท้องอืด หรือรู้สึกแน่นท้องจากการที่รังไข่ขยายตัว
  • มีเลือดออกเล็กน้อยจากการใช้เข็มดูดไข่ (มักหายเองภายใน 1-2 วัน)
  • อารมณ์แปรปรวน เนื่องจากผลของฮอร์โมนที่ใช้กระตุ้นไข่

หากมีอาการรุนแรง เช่น ปวดท้องมาก คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง หรือมีไข้สูง ควรรีบพบแพทย์

การฝากไข่ ราคาเท่าไหร่

ราคาการฝากไข่ที่ Genesis Fertility Center (GFC) มีช่วงราคาดังนี้

  • ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ราคา 170,000 บาท ไม่คิดค่าใช้จ่ายมนการแช่แข็งไข่ 20 ใบ 1 ปีแรก ครอบคลุมการตรวจ ดังนี้
    • ค่าแพทย์ และค่าบริการช่วงกระตุ้นไข่
    • ค่ายากระตุ้นไข่
    • ค่าตรวจเลือด และตรวจฮอร์โมนเพื่อการเก็บไข่
    • หัตถการเก็บไข่ และแช่งแข็งไข่
  • ค่าฝากไข่รายปี ประมาณ 6,000 บาทต่อปี 

ทั้งนี้หากสนใจสามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษากับ Genesis Fertility Center (GFC) เพื่อวางแผนและประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นก่อนได้

ฝากไข่ที่ไหนดี

การเลือกสถานพยาบาลสำหรับฝากไข่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของไข่ที่แช่แข็งไว้ รวมถึงโอกาสในการตั้งครรภ์ในอนาคต โดยปัจจัยที่ควรพิจารณา ได้แก่ ความชำนาญการของแพทย์ เทคโนโลยีที่ใช้ และมาตรฐานการเก็บรักษาไข่

Genesis Fertility Center (GFC) ศูนย์ฝากไข่มาตรฐานระดับสากล

Genesis Fertility Center (GFC) เป็นศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากชั้นนำของประเทศไทย ที่ให้บริการฝากไข่โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานระดับสากล ศูนย์แห่งนี้มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพการเจริญพันธุ์แบบครบวงจร เพื่อให้มั่นใจว่าไข่ที่แช่แข็งจะคงคุณภาพดีที่สุดเมื่อถูกนำมาใช้ในอนาคต โดยมีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์คอยให้คำปรึกษา และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมกับแต่ละบุคคล

หนึ่งในจุดเด่นของ GFC คือการใช้เทคโนโลยีแช่แข็งไข่แบบ Vitrification ซึ่งเป็นวิธีแช่แข็งแบบรวดเร็วที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดผลึกน้ำแข็งภายในเซลล์ ทำให้ไข่ที่ถูกเก็บรักษาไว้มีโอกาสรอด และมีคุณภาพดีเมื่อนำกลับมาใช้ นอกจากนี้ GFC ยังมีห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งมีการควบคุมอุณหภู มิและสภาวะแวดล้อมอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าไข่ที่ฝากไว้จะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยตลอดระยะเวลาการเก็บรักษา

ศูนย์แห่งนี้ยังมีบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การตรวจสุขภาพเบื้องต้น การกระตุ้นไข่ การเก็บไข่ ไปจนถึงการแช่แข็ง และดูแลไข่ระยะยาว โดยมีทีมแพทย์และผู้ชำนาญการคอยให้คำแนะนำตลอดกระบวนการ ทำให้ GFC เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการฝากไข่เพื่อวางแผนมีลูกในอนาคต

อัตราความสำเร็จของการฝากไข่กับ Genesis Fertility Center (GFC)

Genesis Fertility Center (GFC) เป็นศูนย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยมีทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการที่ให้การรักษาด้วยมาตรฐานคุณภาพสูง ทำให้มีอัตราความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI (IVF) และ IUI สูงถึง 60-65% นอกจากนี้ หากมีการตรวจโครโมโซมตัวอ่อนแล้ว จะมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงถึง 74%

 

 

PACKAGE & PROMOTION

คำถามที่พบบ่อย

ตอบ ควรฝากไข่ในช่วงอายุ ต่ำกว่า 35 ปี เนื่องจากไข่จะมีคุณภาพดีที่สุด และสามารถฝากได้จนถึงประมาณ 40 ปี ขึ้นอยู่กับภาวะเจริญพันธุ์ของแต่ละบุคคล

ตอบ ไข่ที่แช่แข็งสามารถเก็บรักษาได้นานหลายสิบปี หากใช้เทคโนโลยีแช่แข็งแบบ Vitrification และมีการจัดเก็บในสภาวะที่เหมาะสม

ตอบ ไม่จำเป็น ผู้หญิงโสดสามารถฝากไข่ได้ โดยไม่ต้องมีทะเบียนสมรส ตามกฎหมายของประเทศไทย

ตอบ ไม่มีหลักฐานว่าความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เด็กที่เกิดจากไข่แช่แข็งมีอัตราความผิดปกติใกล้เคียงกับการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ หากใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและไข่มีคุณภาพดี

ตอบ เมื่อต้องการใช้ไข่ แพทย์จะทำการละลายไข่ และคัดเอาตัวอสุจิที่มีความแข็งแรงที่สุด ฉีดผสมกับไข่โดยตรง และย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก ซึ่งเอกสารที่ใช้ ได้แก่ บัตรประชาชนของเจ้าของไข่ และเอกสารยินยอมในการใช้ไข่ ตามกฎหมายไทย