การทําเด็กหลอดแก้ว (IVF) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เหมาะสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยากและต้องการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ บทความนี้ Genesis Fertility Center (GFC) จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำ IVF หรือการทำเด็กหลอดแก้ว ตั้งแต่ความหมาย ขั้นตอน ข้อดี ข้อควรระวัง และข้อมูลที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ
เด็กหลอดแก้ว (IVF) คืออะไร
IVF หรือ In Vitro Fertilization คือ กระบวนการปฏิสนธินอกร่างกาย โดยนำไข่และอสุจิมาผสมกันในห้องปฏิบัติการ เมื่อเกิดการปฏิสนธิแล้วจะเลี้ยงตัวอ่อนจนถึงระยะที่เหมาะสม ก่อนนำกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ กระบวนการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก เช่น ท่อนำไข่ตีบตัน อสุจิคุณภาพต่ำ หรือมีอาการของภาวะ PCOS เป็นต้น
ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว

ขั้นตอนในการทำเด็กหลอดแก้วนั้น มีดังนี้
1. กระตุ้นรังไข่
การกระตุ้นรังไข่เป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการ IVF โดยผู้หญิงจะได้รับฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่จำนวนมากขึ้นกว่าปกติ ฮอร์โมนที่ใช้มักเป็นกลุ่ม FSH (Follicle Stimulating Hormone) และ LH (Luteinizing Hormone) ซึ่งมีหน้าที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของฟอลลิเคิล ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน ระหว่างนี้แพทย์จะติดตามการเจริญเติบโตของไข่อย่างใกล้ชิดด้วยการอัลตราซาวนด์ช่องท้องหรือช่องคลอด พร้อมกับตรวจวัดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนอื่น ๆ ในเลือด เพื่อประเมินการตอบสนองต่อการกระตุ้น
2. เก็บไข่
เมื่อไข่เจริญเติบโตถึงขนาดที่เหมาะสม (ประมาณ 18-20 มิลลิเมตร) แพทย์จะฉีดฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin) เพื่อกระตุ้นให้ไข่สุกพร้อมสำหรับการเก็บ หลังจากนั้นประมาณ 34-36 ชั่วโมง จะทำการเก็บไข่โดยใช้เข็มพิเศษที่มีขนาดเล็กแทงผ่านผนังช่องคลอดเข้าไปยังรังไข่ภายใต้การนำทางของเครื่องอัลตราซาวนด์ กระบวนการนี้จะทำภายใต้การให้ยาระงับความรู้สึกแบบสงบ (Conscious Sedation) เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายและไม่เจ็บปวด โดยทั่วไปสามารถเก็บไข่ได้ตั้งแต่ 8-15 ใบขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล
3. ปฏิสนธิในห้องแล็บ
หลังจากเก็บไข่แล้ว ไข่จะถูกนำไปปฏิสนธิกับอสุจิในห้องปฏิบัติการ โดยเป็น การฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง (ICSI – Intracytoplasmic Sperm Injection) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จะใช้เข็มขนาดเล็กมากฉีดอสุจิเพียงตัวเดียวเข้าไปในไข่โดยตรง
4. เลี้ยงตัวอ่อน
หลังจากไข่ได้รับการปฏิสนธิแล้วก็จะกลายเป็นตัวอ่อน ซึ่งจะถูกเลี้ยงในตู้อบพิเศษที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และระดับก๊าซอย่างเข้มงวด เพื่อเลียนแบบสภาพแวดล้อมในท่อนำไข่และมดลูก นักเพาะเลี้ยงเซลล์จะติดตามการเจริญเติบโตของตัวอ่อนอย่างละเอียดเป็นเวลา 3-5 วัน โดยประเมินคุณภาพของตัวอ่อนจากลักษณะการแบ่งเซลล์และรูปร่าง
ในกรณีที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรม แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมก่อนการฝังตัว (PGT – Preimplantation Genetic Testing) โดยการนำเซลล์จากตัวอ่อนมาตรวจสอบความผิดปกติทางพันธุกรรมก่อนที่จะย้ายตัวอ่อนเข้าสู่มดลูก
5. ย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก
เมื่อได้ตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีแล้ว จะนำตัวอ่อนใส่ในสายพลาสติกที่อ่อนนุ่มและบางมาก (Embryo Transfer Catheter) แล้วสอดผ่านปากมดลูกเข้าไปในโพรงมดลูก ภายใต้การนำทางของอัลตราซาวนด์ผ่านทางหน้าท้อง กระบวนการนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดมาก และใช้เวลาเพียง 5-10 นาทีเท่านั้น
จำนวนตัวอ่อนที่ย้ายเข้าสู่มดลูกจะขึ้นอยู่กับอายุของผู้รับการรักษา คุณภาพของตัวอ่อน และประวัติการรักษาที่ผ่านมา โดยทั่วไปจะย้ายตัวอ่อน 1-2 ตัวเพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์แฝด
6. ติดตามผล
หลังจากย้ายตัวอ่อนแล้ว ผู้รับการรักษาจะได้รับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพื่อช่วยในการฝังตัวของตัวอ่อนและรักษาการตั้งครรภ์ หลังจากนั้นประมาณ 10-14 วัน จะมีการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมน HCG ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยเซลล์รกเมื่อตัวอ่อนฝังตัวในผนังมดลูกแล้ว หากระดับฮอร์โมนสูงขึ้น แสดงว่าการตั้งครรภ์เกิดขึ้นแล้ว และจะมีการนัดตรวจอัลตราซาวนด์อีกครั้งในอีก 2-3 สัปดาห์เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์และตรวจสอบการเต้นของหัวใจทารก
ข้อดีของการทำเด็กหลอดแก้ว IVF

ข้อดีของการทำเด็กหลอดแก้ว IVF มีดังนี้
- เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับท่อนำไข่อุดตัน ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ
- สามารถคัดเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีและแข็งแรงที่สุด ผ่านการตรวจคัดกรองทางพันธุกรรม เพื่อลดความเสี่ยงของโรคทางพันธุกรรมและเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์
- เปิดโอกาสให้ใช้ไข่หรืออสุจิบริจาค ในกรณีที่ไข่หรืออสุจิของตนเองมีปัญหา
- สามารถแช่แข็งไข่ อสุจิ หรือตัวอ่อนไว้ใช้ในอนาคตได้ ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการชะลอการมีบุตร หรือผู้ที่กำลังจะได้รับการรักษาที่อาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ เช่น เคมีบำบัด
ข้อควรระวังของการทำเด็กหลอดแก้ว IVF
ข้อควรระวังของการทำเด็กหลอดแก้ว IVF มีดังนี้
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ฮอร์โมนกระตุ้นรังไข่ เช่น ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (Ovarian Hyperstimulation Syndrome – OHSS) ซึ่งทำให้เกิดอาการบวมน้ำ ปวดท้อง และในกรณีรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันและการทำงานของไตผิดปกติ
- ค่าใช้จ่ายในการทำ IVF ค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100,000-300,000 บาทต่อรอบการรักษา และอาจต้องทำมากกว่าหนึ่งรอบเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
- กระบวนการรักษาอาจก่อให้เกิดความเครียดและผลกระทบทางจิตใจ ทั้งจากขั้นตอนการรักษาที่ยุ่งยากและโอกาสที่การรักษาอาจไม่สำเร็จ
การทำเด็กหลอดแก้ว IVF เหมาะกับใคร
การทำเด็กหลอดแก้ว IVF เหมาะกับผู้ที่พบปัญหาดังนี้
- คู่สมรสที่พยายามมีบุตรมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี (สำหรับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 35 ปี) หรือ 6 เดือน (สำหรับผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปี) แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
- ผู้หญิงที่มีภาวะท่อนำไข่อุดตัน เสียหาย หรือได้รับการผ่าตัดท่อนำไข่
- ผู้ชายที่มีภาวะอสุจิผิดปกติ เช่น จำนวนน้อย (Oligospermia) การเคลื่อนไหวไม่ดี (Asthenospermia) หรือรูปร่างผิดปกติ (Teratospermia)
- ผู้หญิงที่มีภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัย (Premature Ovarian Failure) หรือมีภาวะถุงน้ำในรังไข่ (Polycystic Ovarian Syndrome – PCOS)
- คู่สมรสที่มีความเสี่ยงในการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรม และต้องการตรวจคัดกรองตัวอ่อนก่อนการตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ (Unexplained Infertility)
ภาวะแทรกซ้อนของการทำ IVF

(Alt text เด็กหลอดแก้ว ราคา)
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการทำ IVF มีดังนี้
- ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (OHSS) ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 1-5 ของผู้รับการรักษา โดยเฉพาะในผู้ที่มีรังไข่หลายใบหรือมีภาวะ PCOS อาการอาจรุนแรงตั้งแต่ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน จนถึงภาวะที่รุนแรงซึ่งต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
- ความเสี่ยงต่อการแท้งหรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก โดยอัตราการแท้งหลังการทำ IVF อยู่ที่ประมาณร้อยละ 15-20 ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการแท้งในการตั้งครรภ์ธรรมชาติ แต่อัตราการตั้งครรภ์นอกมดลูกอาจสูงกว่าเล็กน้อย
- ภาวะแทรกซ้อนจากการเก็บไข่ เช่น การติดเชื้อ การเลือดออก หรือการบาดเจ็บต่ออวัยวะข้างเคียง พบได้น้อยมาก (น้อยกว่าร้อยละ 1)
- ผลกระทบทางอารมณ์และจิตใจ เช่น ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า ความเครียด อันเนื่องมาจากกระบวนการรักษาที่ยาวนานและมีความไม่แน่นอน รวมถึงผลข้างเคียงจากฮอร์โมน
อัตราความสําเร็จของการทําเด็กหลอดแก้ว
อัตราความสำเร็จของการทำ IVF นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน โดยปัจจัยสำคัญที่สุดคืออายุของผู้หญิง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น
- คุณภาพของไข่และอสุจิ
- สาเหตุของภาวะมีบุตรยาก
- จำนวนและคุณภาพของตัวอ่อนที่ย้ายเข้าสู่มดลูก
- เทคนิคและประสบการณ์ของทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์
- ประวัติสุขภาพและการตั้งครรภ์ที่ผ่านมา
โดยทั่วไป อัตราความสำเร็จ (อัตราการคลอดมีชีพ) ต่อรอบของการทำ IVF มีดังนี้
- ผู้หญิงอายุต่ำกว่า 35 ปี ประมาณร้อยละ 40-50
- ผู้หญิงอายุ 35-37 ปี ประมาณร้อยละ 30-40
- ผู้หญิงอายุ 38-40 ปี ประมาณร้อยละ 20-30
- ผู้หญิงอายุมากกว่า 40 ปี ต่ำกว่าร้อยละ 20 และลดลงอย่างมากเมื่ออายุมากขึ้น
หากคุณกำลังเผชิญกับภาวะตั้งครรภ์ยากและกำลังพิจารณาทางเลือกเรื่องการทำ IVF ทางเรา Genesis Fertility Center (GFC) ก็พร้อมให้การดูแลคุณด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ ที่จะช่วยวางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เราเข้าใจว่าเส้นทางสู่การมีบุตรอาจมีความท้าทาย จึงมุ่งมั่นให้การดูแลอย่างใกล้ชิดและครบวงจร เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์ให้สูงที่สุด คุณสามารถวางใจได้ว่าเราจะอยู่เคียงข้างและให้คำแนะนำที่เหมาะสมตลอดทุกขั้นตอนของการรักษา
ข้อควรปฏิบัติหลังจากการทำเด็กหลอดแก้ว
หลังจากการทำ IVF มีข้อควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยง่าย ๆ ดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการย้ายตัวอ่อน แต่ไม่จำเป็นต้องนอนพักตลอดเวลา การเคลื่อนไหวเบาๆ สามารถทำได้และอาจช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก การออกกำลังกายหนัก การยกของหนัก หรือกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณท้อง
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลากหลาย และมีสารอาหารครบถ้วน ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และลดการบริโภคคาเฟอีน เนื่องจากอาจมีผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์และการเจริญเติบโตของตัวอ่อน
- ใช้ยาฮอร์โมนและยาอื่น ๆ ตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะยาโปรเจสเตอโรนซึ่งมีความสำคัญในการรักษาการตั้งครรภ์ในระยะแรก
- สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องรุนแรง ไข้สูง เลือดออกทางช่องคลอด หรืออาการบวมผิดปกติ และรีบแจ้งแพทย์ทันทีหากพบอาการเหล่านี้
- พยายามลดความเครียดและดูแลสุขภาพจิตใจ อาจใช้เทคนิคผ่อนคลายต่าง ๆ เช่น การหายใจลึก ๆ การทำสมาธิ หรือโยคะเบา ๆ
เด็กหลอดแก้ว ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
สรุปบทความ

การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ให้ความหวังแก่คู่สมรสที่มีภาวะมีบุตรยาก โดยกระบวนการนี้ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ การกระตุ้นรังไข่ด้วยฮอร์โมน การเก็บไข่ผ่านช่องคลอด การผสมไข่กับอสุจิในห้องปฏิบัติการ การเลี้ยงตัวอ่อน 3-5 วัน และการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่มดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ แม้ว่าวิธีนี้จะมีข้อดีในการเพิ่มโอกาสมีบุตรและคัดกรองโรคทางพันธุกรรมได้ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงและอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวัง Genesis Fertility Center (GFC) จึงพร้อมให้บริการด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางและเทคโนโลยีที่ทันสมัย มุ่งเน้นการดูแลแบบองค์รวมเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์ที่จะช่วยเติมเต็มความฝันของทุกครอบครัวให้เป็นจริง