Skip to content Skip to sidebar Skip to footer
มีบุตรยาก

การแบ่งเกรดตัวอ่อนใช้เกณฑ์อะไรในการวัด สำหรับ คลินิกมีบุตรยาก

การแบ่งเกรดตัวอ่อนใช้เกณฑ์อะไรในการวัด สำหรับ คลินิกมีบุตรยาก ทำความรู้จักการแบ่งเกรดตัวอ่อน คลินิกมีบุตรยากใช้เกณฑ์อะไรวัด การแบ่งเกรดตัวอ่อนและอัตราความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้ว ทํา icsi ivf เป็นหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดเมื่อคู่รักที่มีบุตรยาก และยากมีลูก ตัดสินใจเข้ามาใช้บริการคลินิกมีบุตรยาก  เพราะการแบ่งเกรดตัวอ่อน ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์ เนื่องจากการแท้งบุตร 60% เกิดจากความผิดปกติของตัวอ่อน  การแบ่งเกรดตัวอ่อนเพื่อทำเด็กหลอดแก้วคืออะไร  การแบ่งเกรดตัวอ่อน เป็นวิธีการช่วยคัดเลือก และประเมินคุณภาพตัวอ่อนสำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว ทํา icsi ivf โดยการแบ่งเกรด หรือให้คะแนนตัวอ่อน จะทำในตัวอ่อน 2 ระยะ ได้แก่  การทำในวันที่ 3 (Day 3) เรียกว่าระยะคลีเวจ (Cleavage)  นักเพาะเลี้ยงตัวอ่อนเรียกระยะนี้ว่า "ระยะแตกแยก" แต่เซลล์จะไม่มีขนาดเพิ่มขึ้น การทำในวันที่ 5 (Day 5) เรียกว่า ระยะบลาสโตซิสต์ (Blastocyst)   หลังเก็บไข่ โดยแพทย์จะประเมินระดับความพร้อมของตัวอ่อนแต่ละตัว และเวลาที่เหมาะสมสำหรับการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าไปในมดลูก การคัดเกรดตัวอ่อนมีประโยชน์หรือไม่? การศึกษาที่ตีพิมพ์ในหอสมุดแพทยศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา…

Read More

มีลูกยาก

เหตุผลที่ต้องเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมก่อนฝังตัวอ่อน สำหรับผู้มีลูกยาก

เหตุผลที่ต้องเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมก่อนฝังตัวอ่อน สำหรับผู้มีลูกยาก มีลูกยากเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จตั้งครรภ์ มดลูกของผู้หญิง หรือที่เรียกว่า “เยื่อบุโพรงมดลูก” เป็นที่ที่ตัวอ่อนจะพัฒนา และฝังตัวในช่วงวันแรกของการตั้งครรภ์ สำหรับผู้หญิงที่ทำเด็กหลอดแก้ว ทํา icsi ivf ความหนา โครงสร้าง และการเปิดกว้าง ถือว่ามีความสำคัญ เพราะเมื่อมีสภาพแวดล้อมการหล่อเลี้ยงที่ดี จะส่งผลอย่างมากต่อความสามารถในการฝังตัวของเอ็มบริโอได้สำเร็จ มีบุตรยากควรทำความรู้จักเยื่อบุโพรงมดลูกคืออะไร “เยื่อบุโพรงมดลูก” เป็นชั้นของเนื้อเยื่อ (หรือเยื่อเมือก) ที่เรียงรายอยู่ด้านในของมดลูก ตลอดรอบประจำเดือน เยื่อเมือกนี้จะหนาขึ้นเมื่อคาดว่าจะตั้งครรภ์ ตามหลักการเยื่อบุโพรงมดลูกจะมีความหนาอย่างน้อย 8 มม. เมื่อเกิดการปฏิสนธิลงสู่มดลูกจะเกิดการฝังตัว แต่หากไม่เกิดการฝังตัวเยื่อบุจะบาง และหลุดออกส่งผลให้มีประจำเดือน  การเปิดกว้างของเยื่อบุโพรงมดลูกคืออะไร? การเปิดกว้างของเยื่อบุโพรงมดลูก เกี่ยวข้องกับการสร้างสภาวะที่เหมาะสมสำหรับเอ็มบริโอในการฝังและเติบโตเป็นทารก ในแต่ละรอบประจำเดือน จะมีช่วงสองถึงสามวันที่เยื่อบุโพรงมดลูกจะเปิดรับแสงสูงสุด เรียกว่าหน้าต่างของการฝัง (WOI) ซึ่งมักเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 19 ถึงวันที่ 21 ของรอบประจำเดือน 28 วัน เยื่อบุโพรงมดลูกที่เหมาะกับการตั้งครรภ์  แม้ว่าเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ทำเด็กหลอดแก้ว ทํา icsi…

Read More

เด็กหลอดแก้ว

เด็กที่เกิดโดยธรรมชาติและเด็กหลอดแก้วต่างกันไหม

เด็กที่เกิดโดยธรรมชาติและเด็กหลอดแก้วต่างกันไหม เปรียบชัดๆ เด็กหลอดแก้วกับเด็กเกิดธรรมชาติ การทำเด็กหลอดกลายเป็นทางเลือกการรักษายอดนิยมสำหรับคู่รักที่มีบุตรยากและอยากมีลูก  เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์นี้ ได้ช่วยเหลือคู่รักหลายล้านคู่ทั่วโลกสำหรับการตั้งครรภ์และเริ่มต้นครอบครัวอย่างสมบูรณ์แบบ แต่คำถามหนึ่งมักพบบ่อยอยู่เสมอก็คือ เด็กที่เกิดโดยธรรมชาติกับเด็กหลอดแก้วต่างกันหรือไม่ จริงหรือไม่เด็กหลอดแก้วต่างกับเด็กเกิดโดยธรรมชาติ  แม้ว่าเด็กที่เกิดจากเด็กหลอดแก้ว จะเป็นเด็กที่เกิดขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และใช้ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ของการปฏิสนธิเกิดขึ้น โดยที่เอ็มบริโอไม่ได้ถูกสร้างขึ้นภายในร่างกายของผู้หญิง ส่วนสเปิร์มจะถูกหลอมรวมกันในสภาพห้องปฏิบัติการที่ได้รับการควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญด้านตัวอ่อน แทนที่จะเป็นท่อนำไข่  หรือกระทั่งการปฏิสนธิของการทำเด็กหลอดแก้วก็เกิดขึ้นในหลอดทดลอง เมื่อเอ็มบริโอถูกสร้างขึ้นโดยการหลอมรวมของสเปิร์มและไข่ในห้องแล็บ ตัวอ่อนจะถูกย้ายไปยังมดลูก ซึ่งเป็นที่ที่ตัวอ่อนถูกอุ้มและเลี้ยงดูเหมือนทารกที่ตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ จึงทำให้เด็กที่เกิดจากเด็กหลอดแก้ว ลักษณะทางร่างกายและจิตใจของทารกจึงไม่มีความแตกต่างกันกับเด็กที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยมีข้อมูล ดังนี้  โอกาสตั้งครรภ์ผิดปกติไม่ต่างกันมาก  จากการศึกษาต่างๆ พบว่าเปอร์เซ็นต์ของการตั้งครรภ์ผิดปกติในการปฏิสนธิตามธรรมชาติอยู่ที่ประมาณ 4% ส่วนการทำเด็กหลอดแก้ว ตัวเลขนี้จะสูงกว่าเล็กน้อยอยู่ที่ 7-8% โดยความแตกต่างนี้อาจเนื่องมาจากอายุโดยทั่วไปที่สูงขึ้นของผู้ที่ทำเด็กหลอดแก้ว  เด็กหลอดแก้วเสี่ยงต่อความผิดปกติของทารก  จะเกิดขึ้นจากปัจจัยภายในที่อาจส่งผลต่อความผิดปกติ เช่น ข้อบกพร่องของโครโมโซมหรือทางพันธุกรรมในตัวอสุจิหรือไข่อาจส่งผลให้ทารกผิดปกติได้ แต่ความเสี่ยงนี้มีอยู่ในทั้งการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติและการตั้งครรภ์ที่ทำเด็กหลอดแก้ว  การพัฒนาเอ็มบริโอส่งผลต่อความผิดปกติโครโมโซม  ไม่ว่าจะตั้งครรภ์ตามธรรมชาติหรือผ่านการทำเด็กหลอดแก้ว เริ่มต้นจากเซลล์เดียวที่แบ่งตามการแบ่งเซลล์ หากส่วนเล็กๆ ของโครโมโซมหายไปหรือมีการแบ่งตัวไม่เท่ากัน อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติของโครโมโซมได้ อย่างไรก็ตาม โอกาสที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นจะเท่ากันทั้งในการตั้งครรภ์ผ่านการทำเด็กหลอดแก้วและการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ สุขภาพโดยรวมเด็กหลอดแก้วอ่อนแอจริงหรือไม่ การศึกษาจำนวนมากจากการวิจัย และตีพิมพ์  ตีพิมพ์ใน JAMA Network…

Read More

ภาวะมีบุตรยาก

สีของอสุจิบอกอะไรได้บ้าง

สีของอสุจิบอกอะไรได้บ้าง เรื่องที่คุณพ่อต้องรู้ อยากมีลูกสีอสุจิบ่งชี้เสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยาก คู่รักหลายๆ คู่ที่เผชิญกับภาวะมีบุตรยาก บ่อยครั้งการมีลูกยากไม่ได้เกิดจากฝ่ายหญิง แต่อาจจะเกิดจากฝ่ายชายที่มีน้ำเชื้อไม่มีตัวอสุจิ อสุจิไม่แข็งแรง น้ำเชื้ออ่อน  ดังนั้นอสุจิถือว่าเป็นเซลล์สืบพันธุ์ที่มีความสำคัญ จะถูกหลั่งออกมาทางอวัยวะเพศชายพร้อมกับน้ำเลี้ยง  และเป็นที่ทราบกันดีว่า ลักษณะของน้ำเชื้อโดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นสีขาวข้น หรือสีเหลืองอ่อน เพราะมีส่วนประกอบจากตัวอสุจิและน้ำหล่อเลี้ยงต่างๆ แต่ในกรณีที่สีของอสุจิเกิดความเปลี่ยนแปลง นั้นคือการส่งสัญญาณภาวะสืบพันธุ์กำลังมีปัญหา และเป็นข้อบ่งชี้คู่รักเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะมีบุตรยาก  ทำความรู้จักอสุจิก่อนทำเด็กหลอดแก้ว ‘ตัวอสุจิ’ ของผู้ชายประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ส่วนหัว เป็นส่วนที่มีนิวเคลียสอยู่ ส่วนตัวมีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว และส่วนหางเป็นส่วนที่ใช้สำหรับการเคลื่อนที่ น้ำอสุจิจะมีค่า pH ประมาณ 7.35-7.50 มีสภาวะค่อนข้าง เป็นเบส ในน้ำอสุจินอกจากจะมีตัวอสุจิแล้ว ยังมีส่วนผสม ของสารอื่นๆ ประกอบด้วย น้ำอสุจิเป็นส่วนสำคัญของระบบสืบพันธุ์เพศชาย และมีความสำคัญมากสำหรับผู้ที่ทำเด็กหลอดแก้ว ทำ icsi ทำ ivf เพราะต้องฉีดเชื้ออสุจิไปในไข่หนึ่งฟองในห้องปฏิบัติการเพื่อสร้างตัวอ่อน  น้ำอสุจิ ประกอบด้วยสเปิร์ม แต่เป็นของเหลวที่ซับซ้อนซึ่งมีสารอื่นๆ การศึกษาระบุว่าน้ำอสุจิที่ดีต่อสุขภาพ จะประกอบด้วย …

Read More

IVF

IVF ICSI สามารถทำได้กี่ครั้ง

IVF ICSI สามารถทำได้กี่ครั้ง มีลูกยากวางแผนทำเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI กี่รอบ การทำเด็กหลอดแก้ว ทำ ivf ทำ icsi เป็นกระบวนการที่สำคัญของผู้ที่มีลูกยากและอยากมีลูก เพราะเป็นทุกขั้นตอนใช้ทั้งพลังงาน อารมณ์ เวลา ของผู้ที่ต้องการจะเป็นคุณพ่อและคุณแม่ ซึ่งยังไม่รวมถึงการมีงบประมาณที่พอสำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว  จึงไม่แปลก ที่ผู้ทำเด็กหลอดแก้วหรือคู่รักจะต้องการทราบว่า ควรวางแผนทำเด็กหลอดแก้ว ทำ ivf ทำ icsi กี่รอบถึงจะประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์ ซึ่งในทางการแพทย์ความสามารถการตั้งครรภ์นั้น มีความแตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับการการวินิจฉัยภาวะมีบุตรยาก  มีลูกยากวางแผนทำ ivf ทำ icsi กี่รอบ เริ่มต้นที่ คู่รักที่มีบุตรยากและอยากมีลูก ทำความรู้จักเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ุทั้งสองวิธีโดยสังเขปกันก่อน  IVF  หรือ In vitro fertilization เป็นการนำสเปิร์มและไข่ออกมาทำการปฏิสนธิในห้องแล็ป เป็นการผสมเทียมเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีลูกยากสามารถตั้งครรภ์ได้  ICSI หรือ Intracytoplasmic Sperm Injection เรียกว่า…

Read More

ทำ icsi

ผู้ชายสเปิร์มน้อยมีผลต่อการทำ icsi หรือไม่

ผู้ชายสเปิร์มน้อยมีผลต่อการทำ icsi หรือไม่ ทำ icsi เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์สำหรับคุณพ่อมีสเปิร์มน้อย ภาวะมีบุตรยากของคู่รักในปัจจุบัน สาเหตุหนึ่งอาจจะเกิดจากผู้ชายมีสเปิร์มน้อยกว่า 16 ล้านตัวต่อน้ำอสุจิหนึ่งมิลลิลิตร ภายหลังจากผู้ชายที่หลั่งออกมาระหว่างการถึงจุดสุดยอด ทางการแพทย์จะถือว่า เป็นการเข้าเกณฑ์จำนวนสเปิร์มถือว่า "ต่ำกว่าปกติ"  การมีจำนวนสเปิร์มต่ำกว่าปกติ หมายความว่า สเปิร์มจะมีโอกาสน้อยที่จะปฏิสนธิกับไข่ของคู่รักลดลง ซึ่งส่งผลให้โอกาสประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์น้อยลง ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ที่คลินิกมีบุตรยากนิยมนำมารักษาฝ่ายชายที่มีสเปิร์มต่ำ คือ การทำเด็กหลอดแก้ว รวมถึงวิธีการรักษาต่างๆ เพื่อกระตุ้นสเปิร์ม  มีลูกยากรักษาฝ่ายชายสเปิร์มน้อยได้อย่างไร การมีสเปิร์มต่ำของฝ่ายชาย สามารถเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย ตั้งแต่การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปจนถึงการใช้ยาบางชนิดหรือการเจ็บป่วยในระยะยาว โดยการรักษาโดยใช้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธ์ุที่เป็นทางเลือกของคู่รัก มีวิธีดังต่อไปนี้  1. การทำ iui คือ เป็นการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง เป็นการฉีดสเปิร์มที่ผ่านการคัดกรองตัวที่แข็งแรงเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง ซึ่งวิธีการรักษา iui จะเหมาะกับฝ่ายชายที่มีจำนวนสเปิร์มมากกว่า  8-10 ล้าน/มล. หรืออย่างน้อย 20% ของตัวสเปิร์มเป็นแบบ motile UI ก็สามารถทำได้ 2.…

Read More

ทำเด็กหลอดแก้ว

คุณภาพที่ดีของสเปิร์มในการทำเด็กหลอดแก้วเป็นอย่างไร

คุณภาพที่ดีของสเปิร์มในการทำเด็กหลอดแก้วเป็นอย่างไร ตรวจคุณภาพสเปิร์มก่อนทำเด็กหลอดแก้วช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ คุณภาพของสเปิร์มเป็น 1 ใน 3 ของปัญหาสำหรับคู่รักที่เผชิญกับภาวะมีบุตรยาก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า สเปิร์มที่แข็งแรง เป็นกุญแจสำคัญต่อการเจริญพันธ์ุ และยังหมายถึงความสามารถในการตั้งครรภ์ของคู่รักที่กำลังวางแผนทำเด็กหลอดแก้ว ทำ ivf ทำ icsi แล้วคู่รักจะทราบได้อย่างไรว่าสเปิร์มที่มีอยู่นั้น มีความแข็งแรงหรือมีคุณภาพดีหรือไม่ สำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว โดยพื้นฐานแล้วลักษณะทางกายภาพของตัวสเปิร์มของแต่ละคนมีทั้งสี กลิ่น ความสม่ำเสมอ และปริมาณอาจแตกต่างกันออกไป โดยจะมีลักษณะบางประการที่บ่งบอกลักษณะของสเปิร์มที่มีสุขภาพดี รู้จักสเปิร์มก่อนทำเด็กหลอดแก้ว คู่รักที่กำลังเข้าสู่กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ivf icsi หรือ iui เพื่อไขความกระจ่าง มาทำความรู้จัก “น้ำเชื้อ” หรือ “น้ำอสุจิ” (Semen) คือของเหลวในร่างกายของผู้ชาย มีสีขาวนวลที่ปล่อยออกมาจากอวัยวะเพศชายในระหว่างการหลั่งน้ำอสุจิ ของเหลวนี้จะประกอบด้วยเซลล์อสุจิ (อสุจิ) และน้ำหล่อเลี้ยงต่างๆ เป็นของเหลวที่มีลักษณะสีขาวข้น โดยการหลั่งน้ำอสุจิแต่ละครั้งจะออกมาประมาณ 3 – 4 มิลลิลิตร และมีจำนวนอสุจิเฉลี่ยประมาณ 300 –…

Read More

ทำเด็กหลอดแก้ว

ทำ IUI หรือทำเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI เหมาะกับคุณแม่แบบไหน

ทำ IUI หรือทำเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI เหมาะกับคุณแม่แบบไหน เลือกทำเด็กหลอดแก้ว IUI IVF ICSI ที่แมทช์กับคุณแม่และช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ การเลือกวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยาก ถือว่ามีบทบาทสำคัญ เพราะสภาพร่างกายของผู้หญิงที่มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบประจำเดือน (Menstrual Cycle) คุณภาพของไข่ มดลูก ภาวะการตกไข่ของผู้หญิง ท่อนำไข่ และพยาธิสภาพอื่นๆ ในอุ้งเชิงกรานของสตรี หรือกระทั่งภาวะทางภูมิคุ้มกัน ล้วนมีผลต่อการตั้งครรภ์ทั้งสิ้น ปัจจุบันเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ หรือกรรมวิธีที่ช่วยให้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น โดยนำเซลล์สืบพันธ์ของทั้งฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง ได้แก่ สเปิร์มและไข่ออกจากร่างกายและนำมาใส่ในท่อนำไข่ หรือนำมาปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ มีด้วย 3 วิธี ได้แก่ การทำ ทำเด็กหลอดแก้ว ivf ,icsi หรือ iui และจะเลือกวิธีไหนที่เหมาะกับคุณแม่ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์มาเริ่มกันเลย การทำ iui เหมาะกับใครบ้าง …

Read More

ทำ ICSI

คุณแม่ควรตรวจฮอร์โมนอะไรก่อนไปทำ ICSI

คุณแม่ควรตรวจฮอร์โมนอะไรก่อนไปทำ ICSI ตรวจฮอร์โมนก่อนทำ ICSI ปรับสมดุลร่างกายให้พร้อมเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ “ฮอร์โมน” (Hormone) เป็นสารเคมีที่สร้างจากเนื้อเยื่อหรือต่อมไร้ท่อ และถูกลำเลียงไปตามระบบหมุนเวียนของโลหิต ซึ่งช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะและระบบต่างๆ ของร่างกาย และฮอร์โมนก็มีบทบาทที่สำคัญในการตั้งครรภ์ เพราะช่วยควบคุมระบบสืบพันธุ์ของผู้ชายและผู้หญิง แต่ด้วยปัญหาสุขภาพของผู้มีบุตรยากและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย สามารถนำไปสู่ความไม่สมดุลของฮอร์โมนได้ เมื่อความไม่สมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกายเกิดขึ้น จะส่งผลต่อการเจริญพันธุ์ของผู้หญิง สามารถนำไปสู่การตกไข่หยุดชะงัก และโอกาสสำเร็จการตั้งครรภ์ลดลง ทำความรู้จักฮอร์โมนเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ บ่อยครั้งสาเหตุของภาวะมีบุตรยากของคู่รักหลายๆคู่ มักจะเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกายนั่นเอง มาเริ่มทำความรู้จักกับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์กันเลย ฮอร์โมนโกนาโดโทรปิน รีลิสซิ่ง (Gonadotropin releasing hormone) หรือย่อว่า “จีเอ็นอาร์เอช (GnRH)” เป็นฮอร์โมนสำหรับการปล่อยฮอร์โมนที่เกิดจากต่อมใต้สมองในเพศหญิง ทำหน้าที่กระตุ้นไข่ในรังไข่ให้เติบโตจนถึงจนถึงการตกไข่ ฮอร์โมนไข่ตั้งต้น Follicle Stimulating Hormone หรือ FSH เป็นระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการกระตุ้นไข่ เพื่อตรวจวัดการเจริญเติบโตของไข่ (ovarian reserve) โดยระดับ FSH ที่สูงกว่าปกติอาจแสดงถึงการลดลงของ ovarian reserve ส่งผลต่อโอกาสการตั้งครรภ์จะลดลง ฮอร์โมนลูทิไนซิง (Luteinizing…

Read More

ทำ ICSI

ตัวอ่อนระยะ 3 วัน 5 วัน ระยะไหนเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการทำ ICSI มากกว่ากัน

ตัวอ่อนระยะ 3 วัน 5 วัน ระยะไหนเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการทำ ICSI มากกว่ากัน เลือกย้ายตัวอ่อนใดดีระหว่างระยะ 3 วัน VS 5 วัน ระยะไหนมีโอกาสสำเร็จในการทำ ICSI มากกว่า ความหวังของคู่รักที่ประสบกับภาวะมีลูกยากและอยากมีลูก ในทุกกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ทำ icsi ทำ ivf ล้วนมีความสำคัญแทบทั้งสิ้น เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ รวมถึงขั้นตอนการเลือกตัวอ่อนในระยะ 3 หรือ 5 วัน จึงทำให้บ่อยครั้งที่คู่รักมักจะตั้งคำถามว่า การย้ายตัวอ่อนระยะ 3 วันหรือ 5 วัน แบบไหนเพิ่มโอกาสความสำเร็จมากกว่ากัน สำหรับในทางการแพทย์ การย้ายตัวอ่อนระยะ 5 วัน ย่อมส่งผลให้อัตราการฝังของตัวอ่อนดีขึ้นกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการย้ายตัวอ่อนระยะ 3 วัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การย้ายตัวอ่อนระยะ 5 วัน จะสามารถรักษากับผู้มีบุตรยากทุกราย  ทำความรู้จักบลาสโตซิสต์ คืออะไร บลาสโตซิสต์ (Blastocyst)…

Read More

ทำเด็กหลอดแก้ว

ภาวะท้องลมเกิดจากอะไร

ภาวะท้องลมเกิดจากอะไร ทำเด็กหลอดแก้ว เกิดภาวะท้องลมได้หรือไม่ บ่อยครั้งที่คลินิกมีบุตรยาก มักจะมีคำถามว่า ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากและอยากมีลูก และทำเด็กหลอดแก้ว ทำivf icsi  มีโอกาสที่จะเผชิญกับภาวะ ‘ท้องลม’ หรือไม่ และท้องลมเกิดจากปัจจัยอะไรบ้าง รวมถึงความอันตรายจากภาวะท้องลมเป็นอย่างไร จริงๆ แล้ว อาการท้องลม ถือเป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งของการตั้งครรภ์ และใครบ้างที่เสี่ยงเป็นท้องลม ลองหาคำตอบกันเลย ภาวะท้องลมเกิดจากอะไร? ตามปกติเมื่อหญิงตั้งครรภ์ทั้งโดยธรรมชาติ หรือกระทั่งการทำเด็กหลอดแก้ว ทำivf ทำicsi คือ เทคโนโลยีการเจริญพันธ์ุที่นำสเปิร์มและไข่ออกมาทำการปฏิสนธิในห้องแล็ปและฉีดเข้าสู่โพรงมดลูก  เมื่อไข่ที่ปฏิสนธิจะเกาะติดกับผนังมดลูก เมื่อตั้งครรภ์ประมาณ 5-6 สัปดาห์ ควรมีตัวอ่อนในถุงตั้งครรภ์ซึ่งเป็นที่ที่ทารกในครรภ์พัฒนา จะมีความกว้างประมาณ 18 มิลลิเมตร ถุงน้ำจะก่อตัวและเติบโต และพัฒนาเป็นตัวอ่อน   แต่การเกิดภาวะท้องลม (Blighted Ovum) จะเกิดจากการที่ไข่ที่ปฏิสนธิฝังตัวเข้าไปในมดลูก แต่ไม่พัฒนาต่อเป็นตัวทารก หรือทารกหยุดการเจริญเติบโต จึงไม่มีทารกในถุงการตั้งครรภ์ (gestational Sac)  จึงทำให้การตั้งครรภ์ของผู้มีบุตรยาก ไม่มีตัวอ่อนหรือตัวอ่อนสลาย ไปตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของการตั้งครรภ์ แต่ถุงตั้งครรภ์ที่ซึ่งเอ็มบริโอจะพัฒนายังคงเติบโตต่อไป รกและถุงว่างขณะตั้งครรภ์จะปล่อยฮอร์โมนการตั้งครรภ์ แม้ว่าจะไม่มีตัวอ่อนก็ตาม  ภาวะท้องลม…

Read More

ทำเด็กหลอดแก้ว

ย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งคืออะไร และช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้จริงหรือไม่

ย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งคืออะไร และช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้จริงหรือไม่ ข้อดีการย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งเพิ่มโอกาสทำเด็กหลอดแก้วประสบความสำเร็จ คู่รักที่มีภาวะมีบุตรยากและอยากมีลูก ต้องพิจารณาเพื่อตัดสินใจว่าจะเลือกกระบวนการแบบไหนถึงจะเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์   ในทางการแพทย์ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกัน และการเลือกกระบวนรักษานั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยการเจริญพันธุ์ของคู่รักที่มีบุตรยากและอยากมีลูก แต่เพื่อช่วยให้คู่รักพิจารณาการย้ายตัวอ่อนทั้งสดหรือแบบแช่แข็ง เพื่อก้าวบนเส้นทางสู่ความเป็นพ่อแม่ได้สำเร็จ มาเริ่มกันเลย  ทำความรู้จักการย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งคืออะไรก่อนทำเด็กหลอดแก้ว  การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง (Frozen Cycle)  เป็นการละลายตัวอ่อนตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไปที่ถูกแช่แข็งในระหว่างรอบการรักษาครั้งก่อน และคลินิกมีบุตรยากจะนัดฝ่ายหญิงเพื่อย้ายตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูกในรอบเดือนถัดไปหลังจากที่มีการใช้ยากระตุ้นรังไข่และเก็บไข่ผสมเป็นตัวอ่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ส่วนการย้ายตัวอ่อนรอบสด หรือ fresh cycle เป็นการย้ายตัวอ่อนในรอบที่ทำการกระตุ้นและเก็บไข่ คือหลังจากเก็บไข่และนำมาปฎิสนธินอกร่างกายกับสเปิร์ม จากนั้นจะเลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่ในระยะ 2-3 วัน หรือระยะ Blastocyst ถ้าตัวอ่อนเติบโตดีและแข็งแรง คลินิกมีบุตรยากจะนัดฝ่ายหญิงมาย้ายตัวอ่อนที่คัดเลือกแล้วเข้าสู่โพรงมดลูก  ปัจจุบัน คลินิกมีบุตรยาก นิยมให้บริการการย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีอัตราความสำเร็จการตั้งครรภ์ที่สูงกว่าการย้ายตัวอ่อนแบบรอบสด นอกจากนี้การกระตุ้นไข่แล้วย้ายตัวอ่อนหากทำเป็นกระบวนการต่อเนื่อง จะทำให้เกิดความเสี่ยงกับภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปด้วย ซึ่งการย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งจะช่วยจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ ย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งโอกาสประสบความสำเร็จเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่างอัตราการตั้งครรภ์ระหว่างการย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งกับการย้ายตัวอ่อนรอบสด  อัตราการตั้งครรภ์ในเอ็มบริโอแช่แข็งสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญในอัตราการ38.76% เมื่อเทียบกับกลุ่มเอ็มบริโอรอบสดอยู่ 15.65% นอกจากนี้อัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์จากการย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงอายุของผู้หญิงที่ทำเด็กหลอดแก้ว มีดังนี้  ผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีหรือน้อยกว่า จะมีอัตราการตั้งครรภ์ 60% ต่อการย้ายตัวอ่อน  ผู้หญิงที่มีอายุเกิน 40…

Read More