Skip to content Skip to footer

ย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งคืออะไร และช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้จริงหรือไม่

ย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งคืออะไร และช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้จริงหรือไม่

ข้อดีการย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งเพิ่มโอกาสทำเด็กหลอดแก้วประสบความสำเร็จ

คู่รักที่มีภาวะมีบุตรยากและอยากมีลูก ต้องพิจารณาเพื่อตัดสินใจว่าจะเลือกกระบวนการแบบไหนถึงจะเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์  

ในทางการแพทย์ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกัน และการเลือกกระบวนรักษานั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยการเจริญพันธุ์ของคู่รักที่มีบุตรยากและอยากมีลูก แต่เพื่อช่วยให้คู่รักพิจารณาการย้ายตัวอ่อนทั้งสดหรือแบบแช่แข็ง เพื่อก้าวบนเส้นทางสู่ความเป็นพ่อแม่ได้สำเร็จ มาเริ่มกันเลย 

ทำความรู้จักการย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งคืออะไรก่อนทำเด็กหลอดแก้ว 
การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง (Frozen Cycle)  เป็นการละลายตัวอ่อนตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไปที่ถูกแช่แข็งในระหว่างรอบการรักษาครั้งก่อน และคลินิกมีบุตรยากจะนัดฝ่ายหญิงเพื่อย้ายตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูกในรอบเดือนถัดไปหลังจากที่มีการใช้ยากระตุ้นรังไข่และเก็บไข่ผสมเป็นตัวอ่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

ส่วนการย้ายตัวอ่อนรอบสด หรือ fresh cycle เป็นการย้ายตัวอ่อนในรอบที่ทำการกระตุ้นและเก็บไข่ คือหลังจากเก็บไข่และนำมาปฎิสนธินอกร่างกายกับสเปิร์ม จากนั้นจะเลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่ในระยะ 2-3 วัน หรือระยะ Blastocyst ถ้าตัวอ่อนเติบโตดีและแข็งแรง คลินิกมีบุตรยากจะนัดฝ่ายหญิงมาย้ายตัวอ่อนที่คัดเลือกแล้วเข้าสู่โพรงมดลูก 

ปัจจุบัน คลินิกมีบุตรยาก นิยมให้บริการการย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีอัตราความสำเร็จการตั้งครรภ์ที่สูงกว่าการย้ายตัวอ่อนแบบรอบสด นอกจากนี้การกระตุ้นไข่แล้วย้ายตัวอ่อนหากทำเป็นกระบวนการต่อเนื่อง จะทำให้เกิดความเสี่ยงกับภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปด้วย ซึ่งการย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งจะช่วยจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้

ย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งโอกาสประสบความสำเร็จเท่าไร
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างอัตราการตั้งครรภ์ระหว่างการย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งกับการย้ายตัวอ่อนรอบสด  อัตราการตั้งครรภ์ในเอ็มบริโอแช่แข็งสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญในอัตราการ38.76% เมื่อเทียบกับกลุ่มเอ็มบริโอรอบสดอยู่ 15.65%

นอกจากนี้อัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์จากการย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงอายุของผู้หญิงที่ทำเด็กหลอดแก้ว มีดังนี้ 

  • ผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีหรือน้อยกว่า จะมีอัตราการตั้งครรภ์ 60% ต่อการย้ายตัวอ่อน 
  • ผู้หญิงที่มีอายุเกิน 40 ปี จะมีอัตราการตั้งครรภ์ 20% ต่อการย้ายตัวอ่อน

การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งเกิดขึ้นเมื่อใด
การย้ายตัวอ่อนแช่แข็ง (embryo freezing) จะเกิดขึ้นหลังจากตัวอ่อนที่ปฏิสนธิและได้รับการเพาะเลี้ยงจนถึงวันที่ 3 หรือวันที่ 5 ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเอ็มบริโอ ตัวอ่อนที่พัฒนาช้าอาจต้องได้รับการเพาะเลี้ยงจนถึงวันที่ 6 หรือวันที่ 7 เพื่อสร้างตัวบลาสโตซิสต์ ตัวอ่อนเกรดที่ดีจะถูกนำไปแช่แข็ง โดยการย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งมีวิธีการเตรียมผนังมดลูกด้วยกัน 2 วิธี ดังนี้ 

1.รอบธรรมชาติ แพทย์จะประมาณวันที่ไข่จะตกธรรมชาติและนัดคนไข้มาทำการตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อดูขนาดไข่ ตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมน หลังจากนั้นจะทำการนัดย้ายตัวอ่อนหลังจากที่มีการตกของไข่ไปแล้ว 5-6 วัน ซึ่งฟองไข่ที่เจริญเติบโตขึ้นมาจะผลิตฮอร์โมนได้เองตามธรรมชาติ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาฮอร์โมนเป็นจำนวนมาก
2.การใช้ยาเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นยาที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน เพื่อช่วยสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาขึ้น เมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนาที่เหมาะสมในช่วง 12-14 วัน จะเริ่มให้ยาฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน เป็นเวลา 6 วัน ซึ่งจะทำให้สามารถกำหนดวันย้ายตัวอ่อนได้ โดยจำเป็นต้องใช้ยาต่อเนื่องจนถึงตั้งครรภ์แล้วประมาณ 10 สัปดาห์

การฝังตัวจะเกิดขึ้นหลังจากการย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งนานแค่ไหน?
ในกรณีคู่รักที่ทำเด็กหลอดแก้ว ด้วยการทำ ivf คือการนำไข่และอสุจิมาผสมกันให้เกิดการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ หรือทำ icsi  คือการคัดเชื้ออสุจิที่แข็งแรงสมบูรณ์เพียงตัวเดียว และใช้เข็มที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็ก ๆ ฉีดตัวเชื้ออสุจิเข้าไปในเซลล์ของไข่โดยตรง ซึ่งเกิดการปฏิสนธินอกร่างกาย สำหรับไข่ที่ปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนระยะตัวบลาสโตซิสต์ มักจะฟักออกจากเปลือกและเริ่มฝังตัวประมาณ 1  หรือ 2 วัน หลังจากย้ายตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ ซึ่งหมายความว่าการฝังตัวจะเกิดขึ้นประมาณ 1-2 วันหลังจากการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก

ข้อดีของการย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง

  • การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงว่ากว่าการย้ายตัวอ่อนรอบสด เนื่องจากในรอบกระตุ้นไข่ มีสภาวะของฮอร์โมนช่วงกระตุ้นไข่ในระดับสูงกว่าธรรมชาติมากกว่าปกติ และยาที่ใช้ในการกระตุ้นไข่  อาจมีผลต่อคุณภาพของเยื่อบุโพรงมดลูก 
  • ร่างกายมีเวลาพักฟื้นตัวกลับสู่สภาพปกติเนื่องจากไม่ได้รับยากระตุ้นรังไข่เหมือนอย่างในรอบสดจึงถือเป็นการพักร่างกายและจิตใจ ที่ส่งผลดีต่อการตั้งครรภ์
  • ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการตั้งครรภ์จากการย้ายตัวอ่อนแช่แข็ง มีโอกาสน้อยที่จะเป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือส่งผลให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด หรือทารกจะมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยหรือมีขนาดเล็กเมื่อครบอายุครรภ์
  • การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง เหมาะกับผู้หญิงที่มีปัญหาเกี่ยวกับเยื่อบุโพรงมดลูก เช่น ติ่งเนื้อหรือเยื่อบุโพรงมดลูกบาง การย้ายอาจถูกยกเลิกจนกว่ามดลูกจะประเมินได้ครบถ้วน 
  • การใช้เอ็มบริโอแช่แข็งที่มีการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อนก่อนฝังตัว ช่วยลดการแท้งบุตร ซึ่งจากผลการวิจัยจะพบว่าในขณะที่ผู้หญิงที่ใช้เอ็มบริโอแช่แข็งมีความเสี่ยงแท้งบุตรลูกเพียง 2.8% เมื่อเทียบกับการย้ายเอ็มบริโอรอบสดมีอัตราการสูญเสียประมาณ 18.5%
  • การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง เหมาะสำหรับคู่รักที่วางแผนการตรวจโครโมโซมของตัวอ่อน ซึ่งมักจะต้องแช่แข็งตัวอ่อนขณะรอผลการตรวจ 

อย่างไรก็ตาม เหตุใดการย้ายตัวอ่อนแช่แข็งมีโอกาสประสบกับความล้มเหลวเช่นกัน เนื่องจากเอ็มบริโอมีความผิดปกติของโครโมโซม ซึ่งหมายความว่าเอ็มบริโอมีส่วนของโครโมโซม DNA ที่ขาดหายไป เกินหรือผิดปกติ จากนั้นร่างกายจะปฏิเสธตัวอ่อน และส่งผลให้เกิดความล้มเหลวในการทำเด็กหลอดแก้ว  ซึ่งคู่รักที่มีภาวะมีบุตรยาก สามารถตรวจโครโมโซมของตัวอ่อนก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก หรือคู่รักสามารถตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน

เลือกย้ายตัวอ่อนรอบสดหรือแช่แข็งแบบไหนดีกว่ากัน
การเลือกกระบวนการย้ายตัวอ่อนนั้น มีตัวแปรมากมายที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะการตอบสนองของฝ่ายหญิง จากการได้รับยากระตุ้นไข่และเข้าสู่การเก็บไข่ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์ จะตรวจสอบระดับฮอร์โมน เช่น โปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจนด้วยการตรวจเลือด และอัลตราซาวนด์เพื่อเช็คความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก

หากฮอร์โมนของผู้หญิงมีความสมดุลและเยื่อบุดูดี สามารถเลือกวิธีการย้ายตัวอ่อนรอบสดได้ แต่หากฮอร์โมนไม่สมดุล เยื่อบุโพรงมดลูกไม่ได้รับการตอบสนองหรือถูกการกระตุ้นมากเกินไป คลินิกมีบุตรยากจะแนะนำให้ทำการแช่แข็งตัวอ่อน  embryo freezing  เนื่องจากปฏิกิริยาตอบสนองต่อยากระตุ้นที่แตกต่างกัน

แต่ที่สำคัญการเลือกกระบวนย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งจะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์มากกว่าและเป็นที่นิยมของคลินิกมีบุตรยากที่นิยมให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยาก อย่างไรก็ตามการรักษาผู้ที่มีบุตรยากและอยากมีลูกแพทย์จะเลือกวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จ 

หากคุณเป็นคู่รักที่กำลังตัดสินใจทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อเตรียมตัวทํา icsi ivf thailand กับ Genesis Fertility Center หรือ GFC ศูนย์รวมบริการทางการแพทย์สำหรับมีบุตรยาก มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำหน้ามาช่วยการเจริญพันธ์ให้กับคู่รักที่มีบุตรยาก ด้วยความเชี่ยวชาญที่ผสานความใส่ใจของทีมแพทย์และบุคลากรในการทำกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ด้วยวิธี IVF/ICSI

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ :
Call Center 097-484-5335
เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 – 20.00 น. หรือ
เสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00 – 20.00 น