Skip to content Skip to sidebar Skip to footer
ฝากไข่

ข้อแตกต่างของการฝากไข่ และ ฝากตัวอ่อน

ฝากไข่ VS ฝากตัวอ่อน แบบไหนเหมาะกับแผนมีลูกเมื่อพร้อม ‘การฝากไข่’ กับ ‘การฝากตัวอ่อน’ มีความแตกต่างกันอย่างไร ผู้หญิงหลายๆ คน รวมทั้งคู่รักหลายคู่ที่ตัดสินใจมีลูกเมื่อพร้อมอย่างการฝากไข่ หรือวิธีการรักษาอื่นๆ เช่น การฉีดน้ำเชื้อ IUI การทำเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI อาจกำลังจะสับสนอยู่ และเพื่อไขข้อสงสัย เรามาเจาะลึกถึงการฝากไข่เทียบกับฝากตัวอ่อนกัน เพื่อช่วยให้ผู้หญิงและคู่รักสินใจว่ากระบวนการใดที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง ที่ผ่านมาหลายคนเชื่อว่า การนำตัวอ่อนไปแช่แข็งนั้น มีแนวโน้มที่จะทำให้ประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์มากกว่าการฝากไข่ ซึ่งการแช่แข็งไข่ egg freezing แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการแช่แข็งตัวอ่อน โดยปกติแล้วต้องใช้ไข่หลายฟองเพื่อให้ได้ตัวอ่อน 1 ตัว ดังนั้นการตั้งครรภ์ไม่ว่าจะด้วยกระบวนการฝากไข่หรือฝากตัวอ่อน คุณก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ฝากไข่ VS ฝากตัวอ่อน แตกต่างอย่างไร กระบวนการฝากไข่กับฝากตัวอ่อน ขั้นตอนของทั้งสองแบบเริ่มต้นด้วยวิธีพื้นฐานเดียวกัน คือ ฉีดฮอร์โมนเป็นเวลา 8-12 วัน เพื่อกระตุ้นรังไข่ให้ผลิตไข่หลายฟอง (ไข่หลายฟองมีความสำคัญเพราะไม่ใช่ไข่ทุกฟองที่จะนำไปสู่การตั้งครรภ์ แม้ว่าคุณจะอายุน้อยก็ตาม ดังนั้นการแช่แข็งไข่ egg freezing หลายฟองจะเพิ่มโอกาสการผสมกับน้ำเชื้ออสุจิเพื่อเป็นตัวอ่อน ขณะที่การเก็บรักษาระหว่างการฝากไข่และฝากตัวอ่อน ในทางการแพทย์จะใช้ไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิ -196…

Read More

มีบุตรยาก

ข้อปฏิบัติสำหรับคุณแม่หลังใส่ตัวอ่อน

แนะนำ 9 ข้อควรปฏิบัติสำหรับคุณแม่มีบุตรยาก หลังใส่ตัวอ่อน การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ Assisted reproductive technology (ART) การทำ IVF/ICSI นับได้ว่าเป็นวิธีการที่มีความละเอียดอ่อนและจะต้องอาศัยความเอาใจใส่เป็นอย่างมากในทุก ๆ ด้าน เพราะฉะนั้นแล้วคุณแม่ที่อยากมีลูกจึงจำเป็นที่จะต้องมีการดูแล และมีความระมัดระวังเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองที่มากขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ได้มีการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูกใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ตัวอ่อนสามารถฝังตัวเข้าสู่โพรงมดลูก และเจริญเติบโตขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด วันนี้ Genesis Fertility Center จึงมีข้อแนะนำและข้อควรปฏิบัติที่จำเป็นสำหรับคุณแม่หลังใส่ตัวอ่อน มาฝากคุณแม่มือใหม่ทุกคนกันค่ะ 9 ข้อควรปฏิบัติสำหรับคุณแม่มีบุตรยาก หลังใส่ตัวอ่อน 1.พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด ช่วงเวลา 3-5 วันแรกหลังจากที่คุณแม่มีบุตรยากได้ทำการใส่ตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก นับได้ว่าเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์ เพราะฉะนั้นแล้วในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ควรเคลื่อนไหวร่างกายในระดับที่เหมาะสม งดการเดินหรือยืนนาน ๆ รวมถึงงดการขึ้น-ลงบันไดบ่อย ๆ และพยายามหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายแบบหนัก ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อป้องกันให้มดลูกของคุณแม่มีบุตรยากเกิดการบีบตัวหรือเกร็งตัวจนรบกวนต่อการฝังตัวของตัวอ่อน 2.หลีกเลี่ยงการนอนติดเตียง แม้ว่าคุณแม่มีบุตรยากที่เพิ่งผ่านการทำเด็กหลอดแก้ว และใส่ตัวอ่อนควรจะพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด แต่อย่างไรก็ตามการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย และปฏิบัติตัวเหมือนกับเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับคุณแม่เช่นกัน เพราะนอกจากการนอนนิ่ง ๆ เป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้คุณแม่เกิดอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวได้ง่ายมากขึ้นแล้วนั้น…

Read More

??????????????????? NGS

คุณแม่อายุมากกว่า 35 ถึงควรตรวจโครโมโซมตัวอ่อน NGS

ตรวจโครโมโซมตัวอ่อน NGS เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อย หลังจากที่ตัดสินใจแต่งงานและสร้างครอบครัวด้วยกัน แน่นอนว่าคู่รักหลาย ๆ คู่ก็ย่อมที่จะอยากมีลูกน้อยมาเป็นโซ่ทองคล้องใจและเติมเต็มคำว่าครอบครัวให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันนี้ ด้วยรูปแบบในการดำเนินชีวิต ตลอดจนปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากในอดีต ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจที่จะแต่งงานและเริ่มต้นสร้างครอบครัวช้าลงจนนำไปสู่การตัดสินใจมีลูกที่เริ่มช้าลงตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาที่ตามมานั้นก็คงหนีไม่พ้นปัญหาการมีบุตรยาก และความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติกับทารกหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ที่มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วการเตรียมความพร้อมก่อนการตั้งครรภ์ด้วยการเข้ารับการตรวจคัดกรองเพื่อหาความผิดปกติต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวที่เข้ารับการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI เพื่อช่วยแก้ไขปัญหามีบุตรยากจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกครอบครัวไม่ควรมองข้ามไป โดยในวันนี้ Genesis Fertility Center จะขอพาว่าที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนมาเจาะลึกเกี่ยวกับหนึ่งในการตรวจที่สำคัญอย่าง “การตรวจโครโมโซมตัวอ่อน” ที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย และช่วยให้เจ้าตัวเล็กเติบโตขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด การตรวจโครโมโซมตัวอ่อน NGS คืออะไร ? การตรวจโครโมโซมตัวอ่อน NGS คือ การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อนก่อนตัดสินใจย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก เพื่อประโยชน์ในการช่วยรักษาภาวะมีบุตรยากและช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จให้กับการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI รวมไปถึงการช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่มากยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อเป็นการช่วยลดความเสี่ยงที่ลูกน้อยจะได้รับการถ่ายทอดความผิดปกติทางพันธุกรรมจนนำไปสู่การเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของโครโมโซม อาทิ ดาวน์ซินโดรม พาทัวซินโดรม เทอเนอร์ซินโดรม หรือโรคทางพันธุกรรม อาทิ โรคธาลัสซีเมีย เป็นต้น การตรวจโครโมโซมตัวอ่อน สามารถทำได้อย่างไรบ้าง ? …

Read More

ต้องเตรียมผนังมดลูกก่อนการทำเด็กหลอดแก้ว

เด็กหลอดแก้ว IVF ICSI เตรียมผนังมดลูกให้พร้อมช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ ทุกกระบวนของการทำเด็กหลอดแก้ว ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์สำหรับคู่รักที่มีภาวะมีบุตรยากและอยากมีลูกทั้งสิ้น แม้กระทั่งการเตรียมความของผนังมดลูกของฝ่ายหญิง ก่อนที่จะเข้าสู่การทำเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI ผนังมดลูกหรือเยื่อบุโพรงลูกของผู้หญิง มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเปรียบเสมือนเป็นบ้านของตัวอ่อน ดังนั้นหากบ้านมีความอบอุ่นและแข็งแรงทำให้ลูกน้อยสามารถเจริญเติบโตได้ดีนั่นเอง ถ้ามีปัจจัยที่ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูก หรือโพรงมดลูกมีปัญหา อาจทำให้ตัวอ่อนไม่ฝังตัวหรือฝังตัวแล้วไม่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ ผนังมดลูก มีความสำคัญอย่างไร ผนังมดลูก เป็นเยื่อบุโพรงมดลูกหรือเยื่อบุผิวของผนังด้านในของมดลูกของฝ่ายหญิง ในแต่ละเดือนเมื่อรังไข่ปล่อยไข่ออกมา เยื่อบุโพรงมดลูกจะหนาตัวขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นตัวอ่อน หากไข่ไม่ได้รับการปฏิสนธิ เยื่อบุจะหลุดออกจากช่องคลอด ซึ่งหน้าที่ของเยื่อบุมดลูก คือ ทำการหล่อเลี้ยงตัวอ่อนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการตั้งครรภ์ หากผู้ที่ทำเด็กหลอดแก้ว ทำเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI มีเยื่อบุผิวที่มีความบางหรือน้อยกว่า 7 มิลลิเมตร ร่างกายจะไม่สามารถหล่อเลี้ยงตัวอ่อนและทารกในครรภ์ที่กำลังเติบโตได้ ความหนาของเยื่อบุจึงมีความสำคัญมาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ จะทำการวัดความหนาของเยื่อบุก่อนการย้ายตัวอ่อน เพื่อให้แน่ใจว่ามีความหนาเพียงพอที่จะฝังตัวได้ โดยผนังมดลูกที่สมบูรณ์พร้อมตามเกณฑ์ที่เหมาะสมในการฝังตัวของตัวอ่อน ควรมีลักษณะดังนี้ · ผนังมดลูกที่มีความหนา เปิดกว้าง และหล่อเลี้ยงเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับตัวอ่อน · ผนังมดลูกควรหนาอย่างน้อย 7 - 8 มิลลิเมตร (ไม่ควรหนาเกิน 14 มิลลิเมตร)…

Read More

?????????

ทานยาคุมกำเนิดมีผลต่อการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI หรือไม่

ทานยาคุมกำเนิด เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่ทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI การกินยาคุมกำเนิด ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีการที่สวนทางหรือผิดวัตถุประสงค์ สำหรับคู่รักที่มีลูกยากและอยากมีลูก และตัดสินใจใช้เทคโนโลยีเจริญพันธุ์ด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI ซึ่งในทางการแพทย์แล้วนั้น การทานยาคุมกำเนิดสำหรับคู่รักที่มีภาวะมีบุตรยาก ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการมีบุตร แต่การทานยาคุมกำเนิดถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นก่อนเข้าสู่กระบวนการเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI ทำไมต้องทานยาคุมกำเนิด เพราะการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดการควบคุมช่วงเวลาของการตกไข่ เพราะเป็นหนึ่งในกระบวนการที่ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จได้ แพทย์ที่ดูแลคู่รักที่มีภาวะมีบุตรยาก จึงมักแนะนำทานยาคุมกำเนิด (Birth control pill) ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ยาคุมกำเนิดทำงานอย่างไร การทานยาคุมกำเนิด (Birth control pill) เป็นวิธีคุมกำเนิดฮอร์โมนเพศหญิง คือ เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพื่อออกฤทธิ์ต่อการทำงานของอวัยวะสืบพันธุ์ยับยั้งการตกไข่ โดยจะมีผลต่อผนังมดลูก ทำให้ผนังมดลูกบางจนตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้ ทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือมีผลในการยับยั้งกระบวนการก่อนเกิดการปฏิสนธิ (fertilization) ท่อนำไข่เคลื่อนไหวน้อย ทำให้ไข่ที่ถูกผสมไม่ทันฝังตัวเกิดมูกหรือเมือกที่ปากมดลูก และทำให้ปากมดลูกมีความเหนียวข้นส่งผลให้อสุจิเคลื่อนผ่านเข้าไปได้ยากขึ้น โดยยาคุมกำเนิดมีด้วยกัน 2 ประเภทได้แก่ · ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined…

Read More

????????????

ตรวจโครโมโซมตัวอ่อนก่อนนำไปย้ายดีหรือไม่

ทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI ตรวจโครโมโซมตัวอ่อนก่อนนำไปย้ายสู่โพรงมดลูกดีหรือไม่ บ่อยครั้งที่คู่รักที่มีลูกยากและอยากมีลูก และตัดสินใจทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI มักตั้งคำถามที่ว่า “เราควรตรวจโครโมโซมตัวอ่อนนำไปย้ายดีหรือไม่” ในทางการแพทย์การตรวจคัดกรองโครโมโซมของตัวอ่อนเป็นทางเลือกหนึ่งของการการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยขึ้นอยู่กับความประสงค์ของคู่รักในแต่ละราย ซี่งการตรวจโครโมโซมก็มีทั้งด้านที่ดี และการไม่ตรวจโครโมโซมก็มีด้านดีด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานของคู่รักแต่ละคู่ แต่ก่อนที่คู่รักจะตัดสินใจตรวจโครโมโซมตัวอ่อนหรือไม่นั้น คู่รักควรทำการศึกษาข้อมูลถึงข้อดีหากตรวจโครโมโซมตัวอ่อน กับข้อดีหากไม่ตรวจโครโซมตัวอ่อน เพื่อคู่รักจะได้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจว่า ต้องการจะทำการตรวจคัดกรองโครโมโซมของตัวอ่อนหรือไม่ โดยมีสิ่งที่ควรพิจารณาประกอบตัดสินใจตรวจโครโมโซมตัวอ่อน มีดังนี้ · ความเสี่ยงในการตัดดึงเซลล์ตัวอ่อน (Embryo Biopsy) การดึงเซลล์ตัวอ่อน 1-2 เซลล์จากตัวอ่อนระยะวันที่ 3 (ซึ่งปกติมี 8 เซลล์) อาจทำให้ตัวอ่อนหยุดการเจริญได้ทั้งก่อนหรือหลังการย้ายตัวอ่อนกลับ แต่โอกาสที่จะเกิดน้อยมาก เมื่อถึงเซลล์ในระยะวันที่ 5 หรือวันที่ 6 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการตัดเซลล์ตัวอ่อนทำให้ได้ทารกที่มีความผิดปกติ · ห้องแล็ปตรวจโครโมโซมตัวอ่อนต้องมีศักยภาพและต้องมาตรฐานที่ดี เพื่อการตรวจโครโมโซมตัวอ่อนที่ดีเพียงพอ เพราะหากห้องแล็ปไม่ได้มาตรฐานเพียง จะทำให้ตัวอ่อนมีโอกาสเสี่ยงบอบช้ำหรือตายได้ในที่สุด · ตัวอ่อนเจริญเติบโตดีและมีเกรดระดับดี กรณีที่ตรวจอ่อนมีเกรดระดับดีและมีการเจริญเติบโตที่ดีนั้น สามารถนำไปตรวจโครโมโซมตัวอ่อนก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกของฝ่ายหญิงได้ · ตัวอ่อนอยู่ภาวะที่มีการเจริญเติบโตช้าและเกรดไม่ดี ในกรณีนี้ไม่แนะนำให้นำตัวอ่อนไปตรวจโครโมโซม เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะเป็นโครโมโซมตัวอ่อนจะมีความผิดปกติสูง ซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมโดยใช่เหตุ · ผู้หญิงที่มีอายุมาก ผู้หญิงไม่ว่าจะมีอายุน้อยหรือมากมีความเสี่ยงที่โครโมโซมตัวอ่อนจะผิดปกติ หากแต่ว่าผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปจะมีโอกาสโครโมโซมตัวอ่อนจะผิดปกติ…

Read More

?????????

ฝากไข่ตั้งแต่เนินๆ ลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์

ทำไมต้องฝากไข่แต่เนินๆ เรื่องน่ารู้ของผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการวางแผนมีลูกในอนาคต การฝากไข่ หรือ Egg Freezing ของผู้หญิง เปรียบเหมือนกับการซื้อประกันรองรับความเสี่ยงในอนาคต สำหรับคู่รักที่ประสบกับปัญหาทางด้านสุขภาพในโรคต่างๆ หรือมีภาวะมีบุตรยาก จนไปถึงผู้ต้องการวางแผนครอบครัวและอยากมีลูกเมื่อพร้อมในอนาคต เพราะการฝากไข่ จะถูกเก็บรักษาไว้คงสภาพเดิมได้ยาวนานถึง 5 - 10 ปี โดยขึ้นอยู่กับอายุและความพร้อมของร่ายกาย และเมื่อถึงเวลาพร้อมหรืออยากมีลูกก็นำออกมาเพื่อเข้าสู่การกระบวนการตั้งครรภ์ด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI หากแต่ว่าการที่คู่รักมีลูกยากและอยากมีลูก หรือผู้ที่ต้องการวางแผนครอบครัวอยากมีลูกเมื่อพร้อมในอนาคต จะประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้สูงนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วย ไม่ว่าจะเป็น ในด้านอายุและความพร้อมของร่ายกาย รวมทั้งช่วงเวลาของการฝากไข่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยด้วยเช่นเดียวกัน โดยในทางการแพทย์นั้น ‘การฝากไข่’ ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงอายุของผู้หญิง ยิ่งมีอายุน้อยๆ เท่าไร ก็มีโอกาสที่จะได้ไข่คุณภาพดีและมีไข่จำนวนมากนั่นเอง 5 เหตุผลสำคัญต้องฝากไข่ตั้งแต่เนิ่นๆ การฝากไข่ของผู้หญิง สามารถทำได้ตั้งแต่ฝ่ายหญิงเริ่มมีประจำเดือน แต่ในช่วงอายุที่เหมาะสม ที่ไข่จะมีคุณภาพดีเหมาะสมที่สุดในการตั้งครรภ์คือ ช่วงวัยเจริญพันธุ์อายุ 22-28 ปี และเมื่อผู้หญิงเริ่มมีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป ปริมาณไข่จะเริ่มลดน้อยลง ดังนั้นหากคู่รักที่มีภาวะมีลูกยากและอยากมีลูก วางแผนฝากไข่และการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI เมื่อพร้อมมีลูก ควรดำเนินการตั้งแต่เนิ่นๆ โดยมีข้อดี ดังนี้ …

Read More

IVF

การแบ่งเกรดตัวอ่อนวัดจากอะไร

เกรดตัวอ่อน มีความสำคัญต่อการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI IVF เมื่อพูดถึงกระบวนการคัดเลือกตัวอ่อน ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการทำเด็กหลอดแก้ว IVF / ICSI คู่รักหลายคู่ที่ประสบกับภาวะมีบุตรยากและอยากมีลูก จึงมักตั้งคำถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ‘ตัวอ่อน’ นั้นเป็นตัวอ่อนที่ดีก่อนที่จะย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก เพราะการที่จะประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ส่วนหนึ่งจะขึ้นอยู่กับตัวอ่อนที่มีคุณภาพ ก่อนอื่นคู่รักที่มีลูกยากและอยากมีลูกควรทำความเข้าใจก่อนว่า การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว IVF / ICSI ภายหลังจากที่ไข่ผสมกับสเปิร์มแล้ว แพทย์จะนำไปเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการโดยนักเพาะเลี้ยงตัวอ่อนจะดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งในระยะเวลาพัฒนาตัวอ่อนก็อยู่ที่ประมาณ 5-6 วัน ในช่วงนี้ก็จะมีการแบ่งเกรดของตัวอ่อน ด้วยกัน 2 ระยะ ดังนี้ 1.ระยะคลีเวจ (Cleavage) เป็นระยะที่ตัวอ่อนเกิดการแบ่งตัว เป็นระยะหลังไข่กับสเปิร์มผสมกันแล้ว 24 - 72 ชั่วโมงเป็นระยะที่ไข่กับสเปิร์มผสมกันแล้ว 24 ชั่วโมงเป็นต้นไป จนไปถึงไม่เกินวันที่ 4 จะแบ่งเกรด โดยอ้างอิงตามมาตรฐานสากลจากเกณฑ์การให้คะแนนตัวอ่อนของ Istanbul Consensus Scoring System 2011 โดยจะมีการพิจารณาจากรูปร่างความสมมาตรของเซลล์ที่พบ…

Read More

icsi

การทำ icsi สามารถเลือกเพศได้หรือไม่?

ตรวจโครโมโซม NGS ตัวช่วยของคู่รักมีลูกยากและอยากเลือกเพศด้วยการทำ ICSI การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ สำหรับคู่รักที่ประสบกับปัญหามีลูกยากและอยากมีลูก บ่อยครั้งที่คู่รักหลายคู่มักเกิดคำถามที่ว่า เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ โดยการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI IVF สามารถเลือกเพศของลูกได้หรือไม่? ยิ่งสถานการณ์การมีบุตรในไทยต่ำลง แต่ละครอบครัวต้องการมีลูกเพียงคนเดียว ยิ่งทำให้เกิดความคาดหวังให้ลูกเป็นเพศที่ต้องการ การเลือกเพศเป็นหนึ่งในความปรารถนาของผู้ที่มีลูกยากและอยากมีลูก เหตุผลที่ทำให้คู่รักที่ประสบกับภาวะมีบุตรยากและอยากมีลูก ต้องการเลือกเพศหลากหลายด้านด้วยกัน ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากความเชื่อในเรื่องการสืบสกุล หรืออาจจะเกิดขึ้นกับในกรณีที่พ่อแม่หรือบรรพบุรุษมีโรคทางพันธุกรรมบางอย่างที่สามารถถ่ายทอดไปยังลูกเฉพาะเพศใดเพศหนึ่งได้ เช่น โรคสังข์ทอง (Anhidrotic Ectodermal Dysplasia), โรคเลือด G6PD, โรคดาวน์ซินโดรมบางประเภท ฯลฯ ในกรณีที่พ่อแม่หรือคนในครอบครัวมีประวัติว่าเป็นโรคเหล่านี้ลูกชายจะมีภาวะเสี่ยงต่อโรคได้ แต่ลูกสาวภาวะเสี่ยงนี้จะไม่เกิดขึ้น แต่ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการเลือกเพศด้วยวิธีการทำเด็กหลอดแก้วนั้น คู่รักที่มีลูกยากและอยากมีลูก ควรทำความเข้าใจปัจจัยการกำหนดเพศลูกก่อน เมื่อไข่ของฝ่ายหญิงมีโครโมโซมเพศเป็น XX ส่วนสเปิร์มของฝ่ายชายมีโครโมโซมเพศเป็น XY นั่นคือในน้ำอสุจิจะมีสเปิร์มอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ X คือ หญิง และ Y คือ ชาย แต่เมื่อเกิดการปฏิสนธิก็ขึ้นอยู่กับว่าสเปิร์มตัวไหนที่เข้าเจาะไข่ของแม่ๆ ถ้าสเปิร์มตัว X เจาะได้ กลายเป็นโครโมโซม…

Read More

?????????????

อายุของแม่มีผลต่อการตั้งครรภ์หรือไม่

ตรวจโครโมโซมมีความสำคัญต่อคุณแม่ที่มีอายุมาก ปัจจุบันด้วยค่านิยมของผู้หญิงไทยที่เปลี่ยนแปลงจากในอดีต ทั้งในด้านของการศึกษาที่ต้องเรียนให้จบ ความมุ่งมั่นเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงไทยแต่งงานช้าลง และการมีอายุที่เพิ่มขึ้นของฝ่ายหญิง เป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้คู่รักหลายคู่ต้องเผชิญกับภาวะมีบุตรยาก รวมทั้งเมื่อตั้งครรภ์ยังมีความเสี่ยงต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความผิดปกติโครโมโซมของทารกในครรภ์ ตลอดจนการเกิดภาวะแทรกซ้อนในตัวคุณแม่ที่มีผลต่อเด็กในครรภ์ ทำไมอายุมากมีความเสี่ยงต่อการมีลูกยาก อายุและภาวะเจริญพันธุ์ของผู้หญิงมีความสัมพันธ์กัน แม้ว่าผู้หญิงจะเกิดมาพร้อมกับไข่จำนวนมากกว่า 1 ล้านฟอง และจำนวนนั้นจะลดลงตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น คุณภาพของไข่ที่คุณมีก็ลดลงเช่นกัน และภาวะเจริญพันธุ์ก็จะลดลงตามไปด้วย ผู้หญิงจะมีแนวโน้มเจริญพันธุ์มากที่สุดในช่วงอายุ 20 ปี และภาวะเจริญพันธุ์ของคุณเริ่มลดลงเมื่ออายุประมาณ 32 ปี และลดลงอย่างรวดเร็วมากขึ้นเมื่ออายุประมาณ 35 ปี โดยมีโอการตั้งครรภ์ดังนี้ · ผู้หญิงในช่วงอายุ 20 กลางๆจะมีโอกาสตั้งครรภ์ 20% ที่จะตั้งครรภ์หลังจากคู่รักพยายามมา 3 เดือน · ผู้หญิงในช่วงอายุ 35 ปี มีโอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติเหลือเพียง 12% หลังจากคู่รักพยายาม 3เดือน · ผู้หญิงในช่วงอายุหลัง 40 ปี โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติเพียง…

Read More

การเตรียมความพร้อมก่อนการฝากไข่

เช็คลิสต์ให้พร้อมก่อนการฝากไข่ ในวันเก็บไข่ การฝากไข่ ถือว่าเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญในการรักษาภาวะมีบุตรยากของคู่รักที่อยากมีลูก รวมทั้งคู่รักที่ยังไม่พร้อมมีลูกและรอการสร้างอนาคตในวันข้างหน้า จึงต้องการฝากไข่ เก็บไข่ ไว้เพื่อลดความเสี่ยงการมีลูกยาก เพราะเมื่อผู้หญิงมีอายุโดยเฉลี่ยที่ 35 ปีขึ้นไป ความเสื่อมของร่างกายก็มากขึ้นทำให้โอกาสในการมีลูกก็ยาก ปัจจุบันการฝากไข่จึงเริ่มได้ความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะคู่รักที่ยังเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และต้องการวางแผนครอบครัว โดยกำหนดช่วงเวลาความพร้อมในการตั้งครรภ์ หรือต้องการทำเด็กหลอดแก้วในอนาคต จึงมีความสนใจการฝากไข่ หรือ การแช่แข็งเก็บรักษาเซลล์ไข่ (Egg Freezing) การฝากไข่ (Egg Freezing) คืออะไร ฝากไข่ (Oocyte Cryopreservation หรือ Egg Freezing) คือ การนำเซลล์ไข่ของผู้หญิงที่มีอยู่ภายในร่างกาย ออกมาแช่แข็งไว้เพื่อหยุดอายุเซลล์สืบพันธ์ ป้องกันการเสื่อมสภาพตามอายุ เพราะแม้ว่าผู้หญิงที่เข้าสู่วัยรุ่นในแต่ละเดือนจะมีการตกไข่เดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งเซลล์ไข่นี้ถูกสร้างตั้งแต่ยังเป็นทารกอยู่ในครรภ์ถึง 6-7 ล้านฟอง แต่เมื่อทารกเพศหญิงคลอดออกมาแล้วจะเหลือไข่เพียง 2 ล้านฟอง เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เซลล์ไข่เหล่านั้นจะเหลือเพียง 2-5 แสนฟอง และจะมีเซลล์ไข่ที่ทำให้ตั้งครรภ์ได้เพียง 400-500…

Read More

iui

เหตุที่ Success Rate การทำ ICSI ของเราได้ผลสูง

มีลูกยาก ทำ ICSI กับ GFC เพิ่มโอกาสการสำเร็จการตั้งครรภ์ คู่รักที่ประสบกับภาวะมีบุตรยาก เมื่อเข้ารับการรักษาด้วยเทคโนโลยีเพื่อช่วยการเจริญพันธุ์โดยทำ IUI และ IVF แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ การรักษาอีกทางเลือกหนึ่งก็คือการทำ ICSI ซึ่งจะช่วยให้คู่รักสามารถประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์ที่สูงขึ้น เนื่องจากโอกาสปฏิสนธิสำเร็จของการทำ ICSI อยู่ที่ 30 – 40% นับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับวิธีการรักษาด้วย IUI และ IVF โอกาสที่คู่รักมีลูกยากและอยากมีลูกประสบความสำเร็จจากการตั้งครรภ์ด้วยการทำ ICSI ที่สูงขึ้น ทำให้ปัจจุบันการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วย ICSI ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีโรงพยาบาล ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก คลินิกบริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก ให้บริการคำปรึกษาและรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้วยการทำ ICSI อย่างแพร่หลาย ทำไมอิ๊กซี่ (ICSI) เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ อิ๊กซี่ (ICSI) หรือ Intracytoplasmic Sperm Injection เป็นการปฏิสนธิที่ไม่ได้เกิดจากการเลี้ยงเซลล์ไข่และอสุจิร่วมกัน แต่เป็นการฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง จากนั้นทำการเพาะเลี้ยง แล้วย้ายตัวอ่อนเข้าสู่มดลูก หลายคนสงสัยว่าโอกาสสำเร็จการตั้งครรภ์ ICSI…

Read More

Telegram
Phone
Line
Facebook
Line
Phone
Telegram
Facebook